แหลมฉบังคึกคัก เอกชนไทย-จีนสนใจลงทุนเฟส3

“อาคม” ขอใช้มาตรา 44 เดินหน้าเปิดประมูลท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ปี 2560 เผย 3 เจ้าสนใจลงทุน

ร.อ.สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมามีบริษัทเอกชนทั้งไทยและจีน 3 ราย แสดงความสนใจจะเข้าร่วมการประมูลก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ซึ่งมีวงเงินลงทุนทั้งสิ้น 8.3 หมื่นล้านบาท โดยขณะนี้ กทท.อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดแนวทางการเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน ซึ่งเบื้องต้นได้กำหนดสัดส่วนให้เอกชนเข้ามาลงทุน 40% ส่วนที่เหลือ 60% ทาง กทท.จะเป็นผู้ลงทุน

“การที่มีเอกชนบางรายเสนอขอลงทุนโครงการนี้ทั้ง 100% คงเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อเอกชนขอลงทุนเข้ามาก็จะพิจารณาว่าจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเอกชนได้เท่าไหร่” ร.อ.สุทธินันท์ กล่าว

ร.อ.สุทธินันท์ กล่าวว่า หากเปิดประมูลก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ได้ในปี 2560 จะใช้เวลาก่อสร้าง 3-5 ปี ซึ่งจะทำให้ท่าเรือแหลมฉบังรองรับตู้สินค้าได้อีก 8 ล้านทีอียู/ปี จากปัจจุบันที่รองรับได้ 11-12 ล้านทีอียู/ปี ขณะที่แต่ละปีปริมาณการขนส่งสินค้าที่ท่าเรือแหลมฉบังเพิ่มขึ้นปีละ 4-5% และคาดว่าปีนี้ปริมาณขนส่งสินค้าจะเพิ่มเป็น 7 ล้าน
ทีอียู

ด้าน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า การจัดทำวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) โครงการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 จะแล้วเสร็จภายในปีนี้ แต่หากผลการศึกษาอีเอชไอเอเสร็จแล้ว แต่การจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ยังไม่แล้วเสร็จ กระทรวงจะอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการนี้ไปก่อน และเปิดประมูลโครงการในปี 2560 ควบคู่กับการจัดทำอีไอเอ หากอีไอเอผ่านก็ลงนามสัญญาทันที

วันเดียวกัน นายอาคมเป็นประธานพิธีลงนามระหว่าง กทท. และกิจการร่วมค้าไอทีดี-ดับเบิ้ลยูเอช ซึ่งประกอบด้วยบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ และบริษัท Henan Weihua HeavyMachinery ผู้ชนะการประมูลก่อสร้างโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งสินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง 2,944 ล้านบาท โดยจะก่อสร้างลานขนถ่ายสินค้าทางรถไฟและติดตั้งรางรถไฟ 6 พวงราง แต่ละรางมีความยาว 1,224-1,434 เมตร สามารถจอดขบวนรถไฟได้รางละ 2 ขบวน รวม 12 ขบวนในเวลาเดียวกัน พร้อมติดตั้งเครื่องมือยกขนตู้สินค้าชนิดเดินบนรางสำหรับจัดเรียงตู้สินค้า

“โครงการนี้จะใช้เวลาก่อสร้าง 18 เดือน หรือแล้วเสร็จในปี 2560 เมื่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้การขนถ่ายสินค้าขึ้น-ลงเรือเสร็จในเวลา 1 ชั่วโมง จากปัจจุบันใช้เวลา 2 ชั่วโมง โดยสามารถรองรับตู้สินค้าได้ 2 ล้านทีอียู/ปี” นายอาคม กล่าว

นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ ระบุว่า ภายใต้ปีแห่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล บริษัทจะเข้าร่วมประมูลทุกโครงการ และคาดว่าจะได้งานคิดเป็นสัดส่วน 20-25% ของมูลค่าลงทุนภาครัฐที่สูงถึง 1 ล้านล้านบาท ซึ่งจะทำให้ปี 2560 บริษัทจะรับรู้รายได้อย่างก้าวกระโดดเป็น 1.2-1.3 แสนล้านบาท ขณะที่โครงการที่บริษัทจะเข้าประมูล คือ สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 จำนวน 2 สัญญา รถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี สายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง สายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี และโครงการรถไฟทางคู่ 4 เส้นทาง