posttoday

"ผู้บงการ" AlphaGo ตัวจริง กับอนาคตพันล้านของAI

17 มีนาคม 2559

รู้จัก "เอเจ หวง" นักวิจัยจากไต้หวัน หนึ่งในมันสมองของ Google DeepMind ผู้วางระบบให้ AlphaGo

รู้จัก "เอเจ หวง" นักวิจัยจากไต้หวัน หนึ่งในมันสมองของ Google DeepMind ผู้วางระบบให้ AlphaGo

การประลองมันสมองระหว่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับสติปัญญาของมนุษย์ ในเกมหมากล้อม 5 กระดาน ระหว่างอัลฟาโกะ (AlphaGo) กับ อีเซดล แชมป์หมากล้อมโลกชาวเกาหลีใต้ ที่กรุงโซลก็สิ้นสุดลงแล้ววานนี้ ด้วยชัยชนะของฝ่ายปัญญาประดิษฐ์ที่กวาดไป 4 กระดาน ปล่อยให้มนุษย์ดีใจเก้อแค่กระดานเดียว ส่งผลให้อัลฟาโกะชนะแชมป์ระดับโลกได้ 2 คนติดต่อกันแล้ว ด้วยสถิติพ่ายแค่กระดานเดียว แต่เมื่อดูจากกราฟแล้ว ในอนาคตมันมีแนวโน้มที่จะชนะมากกว่าแพ้ และทิศทางกราฟพุ่งขึ้นในมุม 45 องศาแบบไม่มีสะดุด ขณะที่แชมเปี้ยนคนธรรมดาส่วนใหญ่จะมีกราฟผลงานการแข่งขันที่ขึ้นๆ ลงๆ แม้แต่อันดับต้นๆ ของโลกก็ตาม

นั่นหมายความว่า ปัญญาประดิษฐ์จะยิ่งฉลาดเป็นกรดและโค่นยอดมนุษย์ลงทีละรายสองราย ให้เราได้กังวลใจกันเล่นว่า ในอนาคตปัญญาประดิษฐ์จะกลายเป็นผู้บงการเราจริงๆ เหมือนในหนังไซไฟบางเรื่องหรือไม่

แต่ความเก่งกาจของปัญญาประดิษฐ์จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีมนุษย์อยู่เบื้องหลัง แม้แต่ความสำเร็จของอัลฟาโกะเอง ก็เกิดขึ้นจากการนำผลการแข่งขันหมากล้อมของเซียนหมากล้อม ทั้งในอดีตและปัจจุบันมาประมวลไว้ บวกกับโปรแกรมการคำนวณทางคณิตศาสตร์ และทักษะของผู้ออกแบบระบบซึ่งเป็นนักเล่นหมากล้อมตัวยง

เขาผู้นี้คือ หวงซื่อเจี๋ย หรือ เอเจ หวง นักวิจัยจากไต้หวัน ผู้เป็นหนึ่งในมันสมองของ Google DeepMind ผู้วางระบบให้ AlphaGo และนักเล่นหมากล้อมระดับ 6 ดั้ง บ้างก็ว่าเขาอยู่ในระดับ 5 ดั้ง ซึ่งเป็นระดับของมือสมัครเล่น ขณะที่ อีเซดล อยู่ในระดับสูงสุด 9 ดั้ง และยังอยู่ในอันดับที่ 5 ของ "โกะมาสเตอร์" ระดับโลก

เอเจ หวง จบการศึกษาด้านปริญญาเอก ด้านการวิจัยเกี่ยวกับหมากล้อม จากมหาวิทยาลัยครูแห่งชาติไต้หวัน จากนั้นพัฒนาโปรแกรมเล่นหมากล้อมที่ชื่อ AjaGo และยังเชี่ยวชาญหมากรุกจีน จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมอัลฟาโกะจึงเก่งนักเก่งหนา เพราะผู้ที่พัฒนามันขึ้นมา คือคนที่รู้เรื่องเกมกระดานและคอมพิวเตอร์อย่างหาตัวจับได้ยาก

เก่งขนาดที่ว่าในปี 2010 เกมหมากล้อมญปัญาประดิษฐ์ที่ชื่อ Erica ซึ่งพัฒนาโดย เอเจ หวง สามารถล้มโปรแกรมเกม Zen ที่ว่ากันว่าเป็นเกมหมากล้อมที่ดีที่สุดในขณะนั้นลงได้

เอเจ หวง ร่วมงานกับ DeepMind ในฐานะนักวิจัยอาวุโสเมื่อปี 2012 จนกระทั่งกูเกิลซื้อบริษัทนี้มาในปี 2014 ซึ่งหลังจากที่การประลองของอัลฟาโกะเป็นที่สนใจไปทั่วโลก ก็มีความพยายามขุดคุ้ยว่าใครที่เป็นผู้บงการ AI ตัวนี้ที่แท้จริง หลังจากทราบว่าเป็น เอเจ หวง สื่อจึงรีบสอบถามไปที่กูเกิล แต่ทางนั้นให้คำตอบเพียงสั้นๆ ว่า เอเจ หวง เป็นนักเล่นหมากล้อมที่มีพรสวรรค์เพียงเท่านั้น ไม่ได้ปริปากให้รายละเอียดอะไรเพิ่มเติมอีก

แต่ผู้ชมการแข่งขันระหว่างอัลฟาโกะกับ อีเซดล สามารถสังเกตเห็นรังสีแห่งผู้มีชัยฉายออกมาจากท่าทางที่สงบนิ่งของ เอเจ หวง ในฐานะผู้ให้กำเนิดปัญญาประดิษฐ์ และผู้เดินหมากแทนอัลฟาโกะที่กำลังจะเอาชนะแชมป์โลกได้

"ผู้บงการ" AlphaGo ตัวจริง กับอนาคตพันล้านของAI

ส่วนตัวของ เอเจ หวง ยังเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ยอมปริปากเผยข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับการแข่งขั้นทั้งสิ้น และเมื่อประสบความสำเร็จเขายังไม่รับความดีความชอบเพียงคนเดียว แต่ยกให้เป็นผลงานของทีมวิจัยทุกคน

เอเจ หวง ยังแสดงความถ่อมตัวว่า เขาเป็นแค่นักเล่นหมากล้อมระดับ 6 ดั้ง ส่วนอัลฟาโกะอยู่ในระดับที่สูงกว่าเขามาก (บางคนมอบตำแหน่งหัตถ์เทวะให้กับปัญญาประดิษฐ์ตัวนี้ไปแล้ว) คำพูดของเขาต้องการที่จะสะท้อนว่า เขาเป็นเพียงผู้เดินหมากแทนมันไม่ใช่คนที่คิดตาหมากพร้อมกับมัน

แต่แน่ล่ะว่า ตอนนี้ชาวโลกต่างก็อดสงสัยไม่ได้ว่า อะไรกันแน่ที่ซ่อนอยู่ในมันสมองของ เอเจ หวง ถึงได้โค่นแชมป์คนแล้วคนเล่าลงได้ ต่างจากปัญญาประดิษฐ์ที่ประลองกับเซียนหมากรุก ซึ่งผลมีทั้งแพ้และชนะเหมือนคนทั่วไป

เพราะเอาเข้าจริงความรู้เรื่องหมากล้อมและคอมพิวเตอร์ของ เอเจ หวง นี่เองที่ทำให้อัลฟาโกะยากจะถูกโค่นลงได้

เขาทำนายอนาคตของ AI เอาไว้ว่า ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซอฟท์แวร์สำหรับเล่นหมากล้อมระดับมืออาชีพคงจะออกสู่ตลาดในวงกว้างอย่างแน่นอน ซึ่งหมายความว่า นักเล่นทั้งหลายจะได้มีโอกาสประลองกำลังกับมันสมองระดับหัตถ์เทวะกันโดยถ้วนหน้า โดยไม่ต้องเล่นเก็บคะแนนไต่ดั้งให้เสียกำลังใจ

แต่การปรากฏตัวขอซอฟท์แวร์ดังกล่าว ก็อาจถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเผชิญหน้าระหว่างมนุษย์กับ AI อย่างเต็มรูปแบบได้เช่นกัน

อนาคตหลังชัยชนะต่อมนุษยชาติ

ตอนนี้คงไม่มีบริษัทปัญญาประดิษฐ์แห่งไหนที่จะฮอตไปกว่ากูเกิล ดีพไมนด์ (Google DeepMind) อีกแล้ว บริษัทนี้เดิมตั้งขึ้นโดย เดมิส ฮัสซาบิส เชน เลก และ มุสตาฟา สุลัยมาน และได้รับทุนการพัฒนาจากนักธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์จำนวนหนึ่ง เช่น อีลอน มัสก์ ผลงานการวิจัยปัญญาประดิษฐ์ของบริษัทนี้เข้าตา จนเคยได้รับรางวัลบริษัทยอดเยี่ยมจาก Cambridge Computer Laboratory มาแล้วเมื่อปี 2014 ซึ่งเป็นปีเดียวกันที่กูเกิลซื้อบริษัทมาครอง ปรมาณการณ์กันว่ามูลค่าน่าจะสูงถึง 400 ล้านเหรียญสหรัฐ

ผลงานสำคัญของ DeepMind ไม่ใช่แค่อัลฟาโกะเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจัดตั้งคณะกรรมการจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ เพื่อการใช้ AI อย่างมีกรอบและแบบแผน โดยไม่ขัดกับจริยธรรมของมนุษย์และจักรกล

แน่นอนว่า ชัยชนะของอัลฟาโกะ จะทำให้วงการธุรกิจหันมาสนใจ AI กันมากขึ้น ซึ่งหมายถึงเม็ดเงินการลงทุนมหาศาลที่จะตาม (แน่นอนว่ากูเกิลย่อมจะเป็นเจ้าภาพรายใหญ่)

อย่างไรก็ตาม ชัยชนะครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า AI อยู่เหนือมนุษยชาติอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะยังมีเซียนหมากล้อมอีกเป็นจำนวนมาก อยากจะทดสอบความเก่งกาจของมัน และบางคนยังชี้ว่าการแข่งขันที่โซลไม่ได้เป็นการแข่งขันที่ยุติธรรมสักเท่าไหร่ อีกทั้งยังมีผู้ที่เก่งกว่า อีเซดล นั่นคืออันดับที่ 1 ของวงการคือ เคอเจี๋ย ที่ยังไม่ได้วัดฝีมือ และเชื่อว่าเขาสามารถโค่น AI ตัวนี้ได้แน่นอน

หากโค่นได้จริงย่อมหมายความว่า ธุรกิจ AI ยังมีเส้นทางให้ต้องเดินกันอีกไกลกว่านี้ กว่าจะถึงจุดหมายนั่นคือการอยู่เหนือสติปัญญาของมนุษย์แบบเบ็ดเสร็จ

ที่มา www.m2fnews.com

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2