แฟรนไชส์ โอเค 20 ลงทุนน้อย กำไรงาม

โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล

อายุ อาจไม่ใช่ข้อจำกัดของการเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว แต่ขึ้นอยู่กับมุมที่จะมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ เช่นเดียวกับ นพพล บุญโชคยิ่ง คนรุ่นใหม่วัย 23 ปี เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ โอเค 20(OK20) สินค้าราคาประหยัด ขายสินค้าทุกอย่างในร้านราคา 20 บาท ที่เริ่มไอเดียธุรกิจด้วยการต่อยอดกิจการค้าส่งสินค้าของที่บ้าน มาสู่ธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบแฟรนไชส์ ที่สร้างยอดขายมาได้กว่า 100 ล้านบาท ภายใน 3 ปี 

จุดเริ่มต้นทางธุรกิจโอเค 20 ของนพพล อาจไม่เหมือนคนอื่นนัก ด้วยเคยเป็นเด็กวัยรุ่นเกเรมาก่อน อาศัยอยู่ในตลาดย่านโบ๊เบ๊ เห็นพ่อกับแม่ ซื้อของมาวางขายริมทางเท้ามาก่อนจะขยับขยายมาสู่การมีหน้าร้านค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดทั่วไป และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ที่มองว่าเป็นส่วนหนึ่งที่วางรากฐานให้กับการทำธุรกิจของตัวเอง

จากนั้นก็ได้มาช่วยที่บ้านเฝ้าหน้าร้านขายของ และเจอกับลูกค้าทุกวันๆ ที่กลับมาซื้อของซ้ำๆ บ่อยๆ ก็เริ่มเห็นช่องธุรกิจ ด้วยการสร้างร้านตัวเอง พร้อมวางแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์ในสื่อที่มองว่าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้คนรู้จักแบรนด์ธุรกิจโอเค 20 เป็นอันดับแรก จากนั้นจึงเอาสินค้าต่างๆ ที่อยู่ในร้านค้าที่บ้าน มาทำค้าส่งอีกทีหนึ่งในรูปแบบค้าปลีก โดยลงทุนเปิดร้านค้าปลีกแห่งแรก สาขามหาชัย ซึ่งในวันแรกก็มียอดขายกว่าแสนบาทแล้ว

ภายในระยะเวลาไม่นานนัก ธุรกิจค้าปลีกสินค้าเบ็ดเตล็ดแบบนี้ก็ได้รับความสนใจ ด้วยใช้ทุนเริ่มต้นเปิดร้านในหลักหมื่น ทำให้สามารถขยายสาขาร้านแฟรนไชส์ไปยังทำเลต่างๆ ได้ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ซึ่งในช่วงแรกของการทำธุรกิจสามารถเปิดได้ถึง 5 สาขา และเมื่อกิจการเริ่มลงตัว จึงเริ่มจัดรูปแบบ (แพ็กเกจ) การลงทุนเปิดร้านค้าปลีกโอเค 20 ใหม่ ทั้งการจัดสินค้าและตกแต่งร้าน

ในช่วงแรก จะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่งบลงทุนค่าแฟรนไชส์ 2.9 หมื่นบาท สัญญาตลอดชีพ และเงินลงทุน 3.59 แสนบาท ซึ่งจะขึ้นอยู่กับทำเลของพื้นที่ที่จะลงทุน โดยงบฯ ดังกล่าวแบ่งเป็นค่าตกแต่งร้าน ค่าชั้นวางสินค้าภายในร้าน และค่าอื่นๆ ล่าสุดจัดโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อเจาะกลุ่มผู้ที่มีเงินลงทุนน้อยอีกด้วย

สำหรับร้านโอเค 20 วางตำแหน่งเป็นร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด มีสินค้าตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหลายหมื่นรายการต่อ 2 สาขา ขายราคาเดียวชิ้นละ 20 บาท แต่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนทำแฟรนไชส์โอเค 20 ได้น่าพอใจ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับทำเลร้านด้วย เช่น ในชุมชน สถาบันการศึกษา ตลาด จุดเชื่อมต่อรถโดยสาร ปั๊มน้ำมัน และอื่นๆ

ในปีแรกของการทำธุรกิจของนพพล สร้างรายได้ราว 10-20 ล้านบาท และในปีที่ 2 และ 3 มียอดขายร่วมกว่า 100 ล้านบาท หรือ 150 ล้านบาทในปี 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งกุญแจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในช่วงระยะเวลารวดเร็วนั้นมาจากตัวแนวคิด (คอนเซ็ปต์) ธุรกิจ จากการทำตลาดจำหน่ายสินค้าในราคา 20 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ตอบโจทย์กำลังซื้อได้เป็นอย่างดีในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้  ซึ่งขณะนี้ทางร้านมีฐานลูกค้าไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน/ปี 

ส่วนแผนธุรกิจในปีนี้จะมีสาขาเพิ่มเป็น 500 แห่งทั่วประเทศ บริษัทลงทุนเอง 50 สาขาในกรุงเทพฯ ปัจจุบันเปิดให้บริการแฟรนไชส์ทั้งสิ้น 355 สาขา และวางเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้า จะสามารถเปิดให้บริการร้านได้เพิ่มเป็น 1,000 สาขาทั่วประเทศ

ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจของคนรุ่นใหม่ที่สามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว จากการคิดค้นธุรกิจที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค