posttoday

‘รินรดา รวีเลิศ’ นักลงทุนที่เชื่อในตัวเลข

22 มกราคม 2559

“รินรดา รวีเลิศ” หรือ “หยก” ผู้ประกาศข่าวประจำช่องเวิร์คพอยท์ วัย 31 ปี เป็นคนที่มีเป้าหมายการบริหารเงินที่มีระเบียบแบบแผนชัดเจนคนหนึ่ง

“รินรดา รวีเลิศ” หรือ “หยก” ผู้ประกาศข่าวประจำช่องเวิร์คพอยท์ วัย 31 ปี เป็นคนที่มีเป้าหมายการบริหารเงินที่มีระเบียบแบบแผนชัดเจนคนหนึ่ง

เธอบอกว่า ช่วงวัยเด็กยังเล็กเริ่มออมจากเงินหยอดกระปุก หรือหารายได้ซื้อลูกอม 3 เม็ดบาทไปขายให้เพื่อนเม็ดละบาท โตมาจนเรียนระดับมหาวิทยาลัยก็เริ่มมีรายได้จากการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งเงินที่ได้จากการทำงานครั้งแรกเธอยกให้คุณพ่อและคุณแม่ไป และเมื่อเรียนปี 4 ก็เริ่มมีเงินเก็บจากการทำงานเป็นที่ปรึกษาวางแผนทางด้านการศึกษาและฝ่ายขายของสถาบันสอนภาษา และการเป็นล่ามทำให้เริ่มเก็บเงินจริงจังด้วยการฝากไว้ที่ธนาคารพาณิชย์ก่อน โดยคุณพ่อจะเป็นคนคอยบอกว่าอัตราดอกเบี้ยแบงก์ไหนให้อัตราผลตอบแทนที่ดีบ้าง

เริ่มการเปลี่ยนแปลงด้วยการลงทุนอย่างอื่นมากขึ้น เมื่อทำงานแห่งที่ 3 ซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ มีพี่แนะนำว่าเมื่อรายได้มากต้องมีการวางแผนและบริหารจัดการภาษีด้วย ทำให้เธอเริ่มหันมาซื้อประกันชีวิต และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เพื่อไว้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีโดยตรง ลักษณะการเลือกคือตามพี่ที่รู้จักอย่างเดียว และพอถือไปเรื่อยๆ จบครบอายุการไถ่ถอนก็ทำให้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้มันออกดอกและผลจริงๆ

จากนั้นเธอจึงแบ่งสัดส่วนเงินออกมาเป็น 4 กลุ่มอย่างละประมาณเท่ากันคือ เก็บเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เก็บไว้รองรับการซื้อของขวัญชิ้นใหญ่ให้ตัวเอง เก็บไว้ในแบงก์ระยะยาว และเก็บไว้เพื่อการลงทุนด้านต่างๆ ซึ่งตอนนี้มีประกันชีวิต สลากออมสิน LTF และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งรายละเอียดจะเป็นการลงทุนชนิดไหนประเภทไหนมีสัดส่วนหุ้นหรือตราสารอะไร แฟนจะเป็นคนคอยแนะนำว่ากองทุนไหนดี เพียงลงทุนด้วยกันและตามเขาไป

จุดเปลี่ยนที่สำคัญในการกำหนดเป้าหมาย หรือการวางแผนการลงทุนในระยะยาวของเธอเกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้วหลังจากได้เรียนปริญญาโทเจอกับเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ และอาจารย์ได้พูดในห้องเรียนว่า ไม่ใช่ว่าพวกคุณจะอายุ 20 ปีปลายๆ แล้วจะวางใจเรื่องการบริหารหรือการจัดการเงินได้ ต้องมีการวางแผนในระยะยาวให้ดีว่าชีวิตหลังเกษียณอายุจากทำงานไปแล้วจะมีเงินใช้ได้เพียงพอหรือไม่

จากนั้นจึงมีการคำนวณอย่างจริงจังและใส่สมมติฐานว่าจากอายุตอนนี้ที่ 32 ปี วางแผนว่าจะเกษียณอายุไว้ที่ 60 ปี โดยคาดว่าตัวเองจะมีอายุถึง 88 ปี ยังมีเวลาหาเงินได้อีก 28 ปี และมองว่าหลังเกษียณอายุควรจะมีเงินใช้จ่ายเฉลี่ย 3 หมื่นบาท/เดือน และบวกอัตราเงินเฟ้อในกรณีที่แย่สุดคือ พอระดับ 5% เธอจะต้องหารายได้ให้ได้ทั้งหมด 15.59 ล้านบาท ถึงจะมีชีวิตหลังเกษียณได้เพียงพอ โดยมองตัวเองว่าเป็นนักลงทุนที่เชื่อในหลักตัวเลขเพราะเป็นเหตุและผล และไม่มีวันหลอกเรา

“ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายกับเป้าหมายที่จะเกิดขึ้นได้ เพราะเงินในระดับนี้หากมองในแง่ของมนุษย์เงินเดือนทั่วไปอาจจะเป็นจำนวนที่มาก และเดินไปสู่เป้าหมายได้ยาก อีกทั้งปัจจุบันเราต่างคนก็ต้องมีภาษีทางสังคมในแต่ละเดือนมาก จึงต้องมีการวางแผนที่ดี ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องหาวิธีการทำให้เงินงอกเงยเพิ่มขึ้นในหลายด้าน แต่สิ่งหนึ่งคือต้องลงทุนสิ่งที่เรารู้จัก อะไรที่เราไม่รู้อย่างหุ้นก็จะไม่เสี่ยง” รินรดา กล่าว

พร้อมกับเริ่มลงทุนซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมที่เดิมตั้งใจเพราะเกิดจากความชอบ แต่มีใบหนึ่งที่เป็นกระเป๋าชาแนลรุ่นหนึ่งและเพื่อนมาขอซื้อต่อทันที แม้เธอจะเพิ่งซื้อมาใช้สักพัก เห็นส่วนต่างกำไร 2 หมื่นบาททันที จึงทำให้รู้ว่านอกจากซื้อกระเป๋าเพื่อตอบสนองความชื่นชอบของตัวเองแล้วยังสามารถลงทุนได้ด้วย ส่วนอัตราผลตอบแทนขึ้นอยู่กับความต้องการผู้ซื้อ ราคาประเมินและรุ่นกระเป๋า ซึ่งก็ต้องมีการทำการบ้านก่อน

ข่าวล่าสุด

LH Bank ออกผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก “LHB OPD SAVER”