เกียรตินิยม...เฟ้อ
การตั้งใจเล่าเรียนให้ได้เกียรตินิยมเป็นความมุ่งมั่นของนิสิตและนักศึกษาหลายต่อหลายคน ซึ่งต้องใช้ความมุมานะ วิริยะ อุตสาหะ เพื่อไปให้ถึงความมุ่งมั่นนี้
การตั้งใจเล่าเรียนให้ได้เกียรตินิยมเป็นความมุ่งมั่นของนิสิตและนักศึกษาหลายต่อหลายคน ซึ่งต้องใช้ความมุมานะ วิริยะ อุตสาหะ เพื่อไปให้ถึงความมุ่งมั่นนี้
ข้อบังคับของมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะกำหนดว่าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งต้องได้เกรดเฉลี่ย 3.50 ขึ้นไป เกียรตินิยมอันดับสองต้องได้เกรดเฉลี่ย 3.25 ขึ้นไป โดยต้องไม่เคยสอบตกในรายวิชาใดตลอดหลักสูตร เรียนจบไม่เกินจำนวนปีที่ระบุไว้ ไม่เคยเรียนซ้ำรายวิชาใดเพื่อเปลี่ยนแต้มคะแนนเฉลี่ยสะสม
เกณฑ์ข้างต้นอาจดูยากสำหรับนิสิต นักศึกษาบางคนที่มุ่งหวังเพียงเรียนให้จบและได้รับปริญญาก็พอแล้ว
แต่อาจไม่ยากเกินกว่าที่จะไขว่คว้าสำหรับนิสิต นักศึกษาที่มีมันสมองดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และเด็กกลุ่มนี้จับกลุ่มกันก็มักจะพากันตั้งใจเล่าเรียนหรือเรียนแข่งกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ใครเก่งวิชาไหนก็จะเป็นติวเตอร์ให้เพื่อนๆ ที่ไม่ถนัดในวิชานั้นเพื่อไปสู่ความมุ่งมั่นเดียวกัน คือ “เกียรตินิยม”
พระพุทธองค์ท่านทรงเปรียบคนบนโลกนี้เหมือนบัวสี่เหล่า (1) พวกมีสติปัญญา ฉลาดเฉลียว (2) พวกที่มีสติปัญญาปานกลาง (3) พวกมีสติปัญญาน้อย และ (4) พวกไร้สติปัญญา
จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าผู้สำเร็จการศึกษาปี 2557 คณะแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมหิดล โดยแบ่งเป็นคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มีบัณฑิตได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง 130 คน จาก 290 คน และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มีบัณฑิตได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง 33 คน และเกียรตินิยมอันดับสอง 34 คน จาก 153 คน โดยที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งสูงมากกว่าปีที่ผ่านๆ มา
บางคนเห็นว่าจำนวนผู้ได้รับเกียรตินิยมมากไป เพราะมหาวิทยาลัยให้เกรดง่าย ซึ่งมีผลต่อคุณภาพมาตรฐานวิชาชีพ
นั่นอาจเป็นความเห็นส่วนหนึ่งของคนภายนอก แต่จากการสัมภาษณ์ของ นพ.อุดม คชินทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล มีใจความว่าเด็กที่สอบเข้ามาเรียนคณะแพทย์ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กเก่ง เด็กหัวกะทิ ตั้งใจเรียนเป็นทุนเดิม และมหาวิทยาลัยก็จัดการเรียนการสอนตามเกณฑ์มาตรฐานที่แพทยสภากำหนด ไม่ควรตีความหรือเหมาว่าปล่อยเกรด ที่สำคัญปี 2558 มหาวิทยาลัยมหิดลได้รับการจัดอันดับสาขาแพทย์อยู่ในอันดับที่หนึ่งของเอเชียและเป็นอันดับที่ 299 ของโลก จาก 2,500 มหาวิทยาลัยดัง
เช่นกันนักศึกษาแพทย์บางคนก็เห็นไปในทางเดียวกันว่าตัวเลขบัณฑิตที่ได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินคาด เพราะนักศึกษาแพทย์ส่วนใหญ่ต่างเรียนเกาะกลุ่มกันอยู่แล้ว เนื่องจากระดับสติปัญญาและมันสมองใกล้เคียงกัน
ย้อนไปดูวุฒิปริญญาทางสังคมศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 2556 เช่น คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มีผู้สำเร็จการศึกษา 664 คน ได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง 148 คน เกียรตินิยมอันดับสอง 249 คน คณะนิติศาสตร์มีผู้สำเร็จการศึกษา 354 คน ได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง 58 คน เกียรตินิยมอันดับสอง 100 คน
ปัญหาเรื่องการให้เกียรตินิยมมากเกินไป อาจแก้ไขด้วยการปรับเกรดโดยต้องทำคะแนนให้สูงขึ้น แต่ก็เชื่อได้ว่าไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเด็กเรียนดี มีความมุมานะ และแต่ละมหาวิทยาลัยต้องรักษามาตรฐานการศึกษา เพื่อไม่ให้เกียรตินิยมที่ได้รับดูไร้ค่าอันจะส่งผลต่อภาพลักษณ์มหาวิทยาลัย
สำหรับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง การที่มีบัณฑิตสำเร็จการศึกษาโดยได้รับเกียรตินิยมเป็นจำนวนมาก อาจไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคุณภาพการศึกษาดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ควรจะให้ความสำคัญอยู่ที่ว่าทำอย่างไรจะให้บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษามีคุณธรรมและมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่า


