พลิกโฉมบรูไน

โดย...ดร.การดี เลียวไพโรจน์

เมื่อนึกถึงบรูไนดารุสซาลาม ประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรน้อยที่สุดในอาเซียน หรือแค่ราว 4.2 แสนคน แต่มีรายได้ประชาชาติต่อหัว 3.85 หมื่นเหรียญสหรัฐ สูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ รายได้ของประเทศกว่า 95% ของรายได้ทั้งหมดมาจากอุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ เกือบทั้งหมดดำเนินการโดยรัฐบาล ประชากรในวัยทำงานส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ ได้รับเงินเดือนสูงและได้รับสวัสดิการอย่างดีเยี่ยม

แต่วันนี้บรูไนกำลังจะเปลี่ยนไป จากสัญญาณปริมาณน้ำมันปิโตรเลียมที่น้อยลง ก่อนหน้านี้มีการประเมินกันว่าปริมาณน้ำมันสำรองจะหมดไปภายในปี 2015 ส่งผลให้บรูไนต้องค้นหาอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น การท่องเที่ยว การบริการ และให้ประชาชนประกอบธุรกิจตัวเองเพื่อสร้างความหลากหลายและความมั่นคงในโครงสร้างเศรษฐกิจให้มากยิ่งขึ้น

ในปี 2551 รัฐบาลบรูไนได้วางแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ Wawasan Brunei 2035 หรือ วิสัยทัศน์บรูไน พ.ศ.  2578 มีเป้าหมายเป็นประเทศรายได้สูงสิบอันดับแรกของโลกภายในปี พ.ศ. 2578 พร้อมวางโครงสร้างใหม่ 8 ด้าน คือ การศึกษา เศรษฐกิจ ความมั่นคง การพัฒนาสถาบัน การพัฒนาธุรกิจชุมชน โครงสร้างพื้นฐาน สังคมและสิ่งแวดล้อม

บรูไนพลิกโฉมการเรียนการสอน สอดแทรกหลักสูตรการเป็นผู้ประกอบการและสร้างจิตวิญญาณการเป็นผู้ประกอบการให้กับเยาวชนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ในปี 2554 มีการสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยบรูไนดารุสซาลาม (UBD) กระทรวงศึกษาธิการ และ Brunei Shell Petroleum (BSP) บริษัทร่วมทุนระหว่างรัฐบาลกับเอกชน ก่อตั้งโครงการสร้างทักษะผู้ประกอบการให้กับเยาวชน ชื่อว่าBrunei Entrepreneurship Education Scheme (BEES)

ที่ผ่านมามีกิจกรรมอย่างต่อเนื่องและเพิ่มความเข้มข้นด้านการฝึกทักษะผู้ประกอบการ โดยได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญจาก Babson College ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ด้าน Entrepreneurship จากสหรัฐอเมริกา และล่าสุดทาง The Brunei Economic Development Board (BEDB) ก็ได้ทำโครงการ Start-Up Brunei Program (SUB) เพื่อส่งเสริมให้เกิดธุรกิจเกิดใหม่คู่ขนานไปกับการสร้างเอสเอ็มอี

7 ปีที่ผ่านมา บรูไนเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะการดำเนินการคู่ขนานระหว่างภาคการศึกษา และแนวการพัฒนาธุรกิจชุมชนที่มุ่งเน้นในการสร้างเอสเอ็มอีและกลุ่มสตาร์ทอัพ แม้จะมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับบ้านเรา แต่ก็มากพอที่จะพลิกโฉมประเทศให้อยู่รอดในอนาคต สำหรับบรูไนนั้น นี่คือจุดเปลี่ยนประเทศแบบ Do or Die เลยทีเดียว