ออมสิน ยกเครื่องสู่ยุคใหม่ รุกโมบายแบงก์กิ้ง-ลุยบัตรเครดิต
หลังการเข้ากุมบังเหียนของชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการคนใหม่ ธนาคารออมสินได้เตรียมจัดทัพใหญ่ในหลายด้านด้วยกัน โดยเฉพาะการปรับภาพลักษณ์ให้ธนาคารเติบโตขึ้น ไม่หยุดอยู่แค่เพียงการเป็นธนาคารของเยาวชน โดยชูภารกิจแรก คือ การขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มนักเรียน นักศึกษา วัยรุ่น และกลุ่มคนทำงาน ช่วงอายุ 7-30 ปี ซึ่งยังมีสัดส่วนอยู่เพียง 14% ของฐานลูกค้า ให้เพิ่มเป็น 20% ขณะที่ปัจจุบันฐานลูกค้าเงินฝากของธนาคารมีอยู่ราว 20 ล้านราย
หลังการเข้ากุมบังเหียนของชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการคนใหม่ ธนาคารออมสินได้เตรียมจัดทัพใหญ่ในหลายด้านด้วยกัน โดยเฉพาะการปรับภาพลักษณ์ให้ธนาคารเติบโตขึ้น ไม่หยุดอยู่แค่เพียงการเป็นธนาคารของเยาวชน โดยชูภารกิจแรก คือ การขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มนักเรียน นักศึกษา วัยรุ่น และกลุ่มคนทำงาน ช่วงอายุ 7-30 ปี ซึ่งยังมีสัดส่วนอยู่เพียง 14% ของฐานลูกค้า ให้เพิ่มเป็น 20% ขณะที่ปัจจุบันฐานลูกค้าเงินฝากของธนาคารมีอยู่ราว 20 ล้านราย
การปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่พร้อมขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น นับเป็นพันธกิจสำคัญที่ ชาติชาย ต้องพิสูจน์ให้เห็น หลังจากที่ได้ให้วิสัยทัศน์ระหว่างการสรรหาผู้อำนวยการออมสินคนใหม่เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งออมสินต้องขยับขึ้นจากการเป็นแบงก์เด็ก-คนแก่ ยกเครื่องเป็นธนาคารเพื่อการออมของคนทุกกลุ่มให้ได้ ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์เพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมให้แบงก์ ทดแทนในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยได้อีกด้วย
เป้าหมายดังกล่าวจึงทำให้ออมสินยังต้องขยับไปเล่นเชิงรุกในสนามดิจิทัลแบงก์กิ้ง ซึ่งเป็นอนาคตของอุตสาหกรรมการเงิน ที่ธนาคารทุกแห่งต้องแข่งขันกันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ด้วย
ล่าสุด ออมสินได้เปิดตัวบริการ MyMo Mobile Banking ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมทางการเงิน โมบายแบงก์กิ้ง บนแพลตฟอร์มสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ในชื่อ “MyMo” เพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าในการตรวจสอบบัญชีเงินฝาก สลากออมสิน สินเชื่อ หรือธุรกรรมทางการเงินต่างๆ บนอุปกรณ์เคลื่อนที่
ลูกค้าสามารถเช็กยอดเงินในบัญชี โอนเงิน จ่าย หรือชำระค่าสินค้า/บริการ ด้วยเบอร์โทรศัพท์ หรือจะจ่ายบิลด้วยบาร์โค้ด และเติมเงินมือถือ อีกทั้งยังสามารถการแสดงข้อมูลบัญชี (Account Detail) ได้มากกว่า เช่น ผลรางวัลสลากออมสินพิเศษ เรียกดู Statement ย้อนหลังได้ 5 ปี ระบบแจ้งเตือน (Message Alert) ธุรกรรมการเงินทุกบัญชีทุกช่องทางในรูปแบบ Push Notification และสามารถใช้บริการได้ทุกที่ทั่วโลกผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 3G และ Wi-Fi
นอกจากนี้ ธนาคารออมสินยังเตรียมรุกธุรกิจ “บัตรพลาสติก” โดยภายในปลายปีนี้ หรือต้นปี 2559 ธนาคารเตรียมเปิดตัวบัตรเครดิตภายใต้ระบบของตัวเอง ตั้งเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 1 แสนบัตรในปีแรก และเพิ่มเป็น 1 ล้านใบภายใน 5-7 ปี
ชาติชาย ยอมรับว่า การออกบัตรเครดิตเป็นเพียงธุรกรรมเสริมเพื่อให้บริการลูกค้าที่ครอบคลุม คงไม่สามารถเปิดตัวแข่งกับธนาคารพาณิชย์ที่เป็นเจ้าตลาด โดยปัจจุบันฐานลูกค้าบัตรเครดิตมีอยู่ 5 ล้านราย แต่มีจำนวนบัตรถึง 19 ล้านใบ หมายถึงจะมีคนถือบัตรเครดิตเฉลี่ย 3-4 ใบ/คน
ออมสิน คาดว่า จะเข้าไปดึงฐานลูกค้ากลุ่มที่มีบัตรหลายใบให้ถือบัตรธนาคารออมสินด้วย และเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เป็นวัยรุ่นและคนทำงานมากขึ้น โดยจะมีการออกบัตรที่มีดีไซน์ภาพหน้าบัตรตรงกับไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
สำหรับบัตรเครดิตใหม่ของออมสินจะยกเลิกการเชื่อมระบบกับกรุงไทย ซึ่งเดิมธนาคารออมสินรับออกบัตรให้ธนาคารกรุงไทย แต่ไม่เป็นที่รู้จักนักมียอดคงค้างเพียง 2 แสนใบ โดยเฉลี่ยมียอดทำบัตรใหม่เพิ่มปีละ 2-3 หมื่นใบเท่านั้น
ชาติชาย กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ธนาคารออมสินเป็นธนาคารแห่งการออม จึงจะเน้นเรื่องการออกบัตรเดบิตมากกว่า ซึ่งปัจจุบันธนาคารมีฐานลูกค้าอยู่ 6 ล้านใบ ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนบัตรอีก 3 ล้านใบในปีนี้ แต่เมื่อหักลบกับบัตรที่ขอยกเลิกคาดว่ายอดจะเพิ่มขึ้นสุทธิที่ 1.5 ล้านใบ ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารมีรายได้จากค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น หากคิดค่าธรรมเนียมที่ 300 บาท/บัตร ถ้าสามารถเพิ่มได้ 3 ล้านใบ เท่ากับธนาคารจะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นถึง 900 ล้านบาท
การเดินหน้าให้บริการต่างๆ ครั้งนี้ จึงถือว่าเป็นสิ่งที่วงการธนาคารพาณิชย์ต้องจับตา เพราะหากธนาคารออมสินสามารถเข้าถึงการให้บริการลูกค้าตามที่ตั้งเป้าหมายไว้แล้ว เชื่อว่าจะกระทบต่อทิศทางการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบแน่นอน


