ตึกยักษ์ดันพระราม9ขึ้นซีบีดีใหม่
รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในกระแสข่าวแวดวงธุรกิจการตลาดที่ร้อนแรงคงหนีไม่พ้น การเปิดตัวโครงการ “เดอะ ซุปเปอร์ ทาวเวอร์” ย่านพระราม 9
รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในกระแสข่าวแวดวงธุรกิจการตลาดที่ร้อนแรงคงหนีไม่พ้น การเปิดตัวโครงการ “เดอะ ซุปเปอร์ ทาวเวอร์” ย่านพระราม 9 ของบริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ หรือ จีแลนด์ ซึ่งเป็นอาคารมิกซ์ยูส จำนวน 125 ชั้น มีความสูง 615 เมตร ถือเป็นอาคารที่มีความสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และติด 1 ใน 10 ตึกสูงที่สุดในโลก เพราะถือเป็นการสร้างแลนด์มาร์กแห่งใหม่ให้กับกรุงเทพฯ และเป็นการผลักดันให้พระราม 9 ก้าวขึ้นแท่นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ หรือ ซีบีดี (Central Business District : CBD) ของกรุงเทพฯ ได้อย่างสมบูรณ์ด้วย
โครงการ “เดอะ ซุปเปอร์ ทาวเวอร์” ใช้เงินลงทุน 1.8 หมื่นล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเป็นมิกซ์ยูสที่มีทั้งอาคารสำนักงาน โรงแรมระดับ 6 ดาว ภัตตาคาร จุดชมวิว โดยโครงการนี้เป็นหนึ่งในผังโครงการใหญ่ของโครงการเดอะ แกรนด์ พระราม 9 ซึ่งอยู่บนเนื้อที่รวม 73 ไร่ บริเวณแยกพระราม 9 พื้นที่รวม 1.2 ล้าน ตร.ม. มูลค่าลงทุน 1.2 แสนล้านบาท ประกอบด้วย โซนคอนโดมิเนียม ภายใต้ชื่อ เบ็ล แกรนด์ พระราม 9 โซนอาคารสำนักงาน มีด้วยกัน 3 อาคาร ได้แก่ เดอะ ไนน์ ทาวเวอร์ส แกรนด์ พระราม 9 อาคารสำนักงานใหญ่ยูนิลีเวอร์ และจีแลนด์ แกรนด์ พระราม 9 โซนค้าปลีก เซ็นทรัล พลาซ่า แกรนด์ พระราม 9 และเดอะ ช็อปปส์ แกรนด์ พระราม 9 โซนโรงแรม 4 ดาวและศูนย์การประชุม
ทั้งนี้ โครงการต่างๆ ที่อยู่ใน เดอะ แกรนด์ พระราม 9 อยู่ระหว่างก่อสร้าง โดยคาดว่าจะทยอยก่อสร้างเสร็จประมาณปี 2558-2559 และปิดท้ายด้วยตึกสุดท้าย คือ เดอะ ซุปเปอร์ ทาวเวอร์ ที่คาดว่าจะสร้างเสร็จในปี 2560 เมื่อตึกใกล้แล้วเสร็จ จะเปิดให้ประกวดชื่อของตึกอีกครั้ง
ยุคอสังหาฯ ควบรวมร่วมทุน
กระแสข่าวเกี่ยวกับการซื้อกิจการหรือเทกโอเวอร์ หรือการร่วมทุนควบรวมกิจการในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ถือว่ามีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในรอบหลายปี ล่าสุด กลุ่มบีทีเอสควงแขนแสนสิริร่วมทุนพัฒนาโครงการตั้งบริษัทใหม่ เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ มูลค่า 3,000 ล้านบาทขึ้นไป เกาะแนวรถไฟฟ้าทุกเส้นทางร่วมกัน ส่วนโครงการขนาดเล็ก ไม่ได้ใกล้รถไฟฟ้า แสนสิริ จะลงทุนเอง
สำหรับโครงการแรกประเดิมด้วยคอนโดมิเนียมบนพื้นที่ 5 ไร่ ใกล้รถไฟฟ้าสถานีบีทีเอสหมอชิต 900 ยูนิต มูลค่าโครงการ 5,500 ล้านบาท คาดเริ่มเปิดขายไตรมาสแรกของปีหน้า โดยการร่วมมือถือกันครั้งนี้ ถือเป็นการเสริมศักยภาพให้กัน เพราะบีทีเอสมีความพร้อมทั้งในเรื่องที่ดินใกล้แนวรถไฟฟ้าในมือ มีสื่อโฆษณาบนรถไฟฟ้าในมือ ส่วนแสนสิริมีแบรนด์ที่อยู่อาศัยที่แข็งแกร่ง
เทสโก้ โลตัสไทยยังน่าจับตา
แวดวงค้าปลีกก็น่าจับตามองเช่นกัน หลังจากรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัทแม่ของเทสโก้ โลตัส ในประเทศอังกฤษ กำลังพิจารณาขายสินทรัพย์ในไทย และประเทศอื่นๆ แม้ว่าบริษัท เอกชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม ผู้บริหารห้างเทสโก้ โลตัส จะยืนยันในเบื้องต้นว่า บริษัทแม่ยังไม่ได้มีการประกาศแผนใดๆ ออกมาทั้งสิ้น รวมทั้งยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ กระแสข่าวที่ออกมาเป็นการวิเคราะห์ของนักลงทุนและการเขียนวิเคราะห์ข่าว ก็เป็นประเด็นที่ต้องจับตามองถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจใของเทสโก้ โลตัสในประเทศไทยต่อไป
ขณะที่ค่ายตั้งฮั่วเส็ง ก็น่าจับตามองเช่นกัน โดยล่าสุดประกาศเปิดศึกธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ภายใต้แบรนด์ “เก็ทอิท” (Get IT) โดยระหว่างหาพันธมิตรร่วมทุนจัดตั้งบริษัทใหม่ ขยายร้านสะดวกซื้อเก็ทอิทใช้พื้นที่ขนาดไม่ถึง 100 ตร.ม. ใช้งบลงทุนสาขาละเพียง 12 ล้านบาท หลังจากก่อนหน้านี้เปิดตัวรูปแบบมินิมาร์ทและซูเปอร์มาร์เก็ต 6 สาขา สร้างรายได้ถึง 300 ล้านบาท หรือเกือบ 20% ของรายได้รวมปีนี้ 1,700 ล้านบาท
ท่องเที่ยวเข็นโปรโมชั่นปลุกไฮซีซั่น
ย่างเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) แต่ดูเหมือนเอกชนภาคท่องเที่ยวยังไม่มั่นใจว่าธุรกิจจะคึกคัก จึงเข็นกลยุทธ์กันออกมาโหมกระแส เช่น เครือแอคคอร์ ที่ยอดจองไฮซีซั่นยังเข้ามาต่ำกว่าคาด ขอลุ้นการจองในเดือน พ.ย.นี้อีกครั้ง ระหว่างนี้ก็นำเสนอโปรโมชั่น พัก 3 วัน จ่าย 2 คืน สำหรับผู้ที่จองก่อนวันที่ 19 ต.ค. เพื่อเข้าพักได้ถึงวันที่ 14 ธ.ค.นี้ และอาจมีกลยุทธ์เพิ่มเติมเร่งยอดจองห้องพักไฮซีซั่นตามมาอีก ส่วนผู้ประกอบการเชียงใหม่ คาดว่าอากาศจะหนาวเร็วปีนี้ และจะมีกิจกรรมเทศกาลต่างๆ ยิ่งใหญ่ขึ้น จึงน่าจะดึงคนมาเที่ยวไฮซีซั่นจนมีอัตราเข้าพักแตะ 75% ได้
ทางด้าน บัดดี้ กรุ๊ป ซึ่งมีโรงแรมย่านถนนข้าวสาร 5 แห่ง มองว่า อัตราเข้าพักเฉลี่ยเดือน ธ.ค.นี้ น่าจะถึง 70% เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 4050% แต่ต่ำกว่าปีก่อนอยู่ที่ 80% เพราะยังได้รับผลกระทบมีกฎอัยการศึก ตัวแทนจำหน่ายท่องเที่ยวในต่างประเทศไม่ได้ใส่โปรแกรมของไทยในโบรชัวร์ที่เสนอนักท่องเที่ยว สิ่งที่ทำได้เวลานี้คือ จัดกิจกรรมพิเศษและโปรโมชั่น ส่วนภาครัฐต้องเร่งนำไปโปรโมทให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรับทราบ เพื่อให้จุดหมายของไทยยังอยู่ในการรับรู้ของต่างชาติ และอาจดึงคนมาได้บางส่วน
เบนซ์ขอกวาดแชร์รับตลาดฟื้น
สำหรับความเคลื่อนไหวในแวดวงรถยนต์สัปดาห์ที่ผ่านมา ค่ายเบนซ์ประกาศความมั่นใจที่จะกวาดส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) 50% รับตลาดฟื้นตัว โดยบริษัท เมอร์เซเดสเบนซ์ (ประเทศไทย) รายงานว่า ยอดขาย 9 เดือน (ม.ค.ก.ย.) ของบริษัทอยู่ที่ 7,549 คัน เติบโตขึ้น 12% เฉพาะเดือน ก.ย. มียอดขายที่ 1,255 คัน เพิ่มขึ้น 24% หลังจากที่ตลาดรถยนต์ชะลอตัวอย่างรุนแรงในช่วงครึ่งปีแรก แต่เริ่มคลี่คลายและส่งสัญญาณบวกในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ภาพรวมของตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมในปี 2557 คาดว่าจะอยู่ที่ 2 หมื่นคัน เบนซ์คาดจะมีส่วนแบ่งตลาด 50% ครองแชมป์อันดับหนึ่งของตลาดรถหรูเป็นปีที่ 14 ต่อเนื่อง


