ประจินเล็งดึงไทยสมายล์กลับดอนเมือง

ประจินดึงไทยสมายล์กลับสนามบินดอนเมือง ชี้ตอบสนองความต้องการผู้โดยสาร เสริมแกร่งธุรกิจ เสนอแผนต่อบอร์ด 14 ส.ค.นี้ ด้าน "พาที" เชื่อเกิดยาก

พล.อ.อ.ศิวะเกียรติ ชะเยมะ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพอากาศ ในฐานะรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการบินไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) บริษัทการบินไทย ว่า พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้าคณะกรรมการรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในฐานะประธานบอร์ด เสนอแนวคิดย้ายฐานปฎิบัติการบินสายการบินไทยสมายล์จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง  เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารคนไทยที่นิยมใช้บริการสนามบินดอนเมืองมากกว่าท่ากาศยานสุวรรณภูมิ

ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ฝ่ายบริหารเร่งศึกษาแผนดังกล่าว โดยหารือร่วมกับสายการบินนกแอร์ เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางการบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศร่วมกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเป้าหมายสายการบินไทยสมายล์จะไม่มุ่งแข่งขันกับสายการบินต้นทุนต่ำ(โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) อย่าง ไทย แอร์เอเชีย แต่จะเป็นสายการบินไลท์ พรีเมี่ยม ให้บริการครบวงจร ทั้งการเสิร์ฟอาหารบนเครื่อง และไม่เก็บค่าธรรมเนียมสัมภาระเหมือนโลว์คอสต์ แอร์ไลน์  แนวคิดการย้ายสายการบินไทยสมายล์จะนำเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ดอีกครั้งในวันที่ 14 ส.ค.นี้ หากผ่านความเห็นชอบเชื่อว่าจะย้ายได้จริงประมาณต้นปีหน้า

ด้าน นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทสายการบินนกแอร์ เปิดเผยว่า แนวคิดการย้ายสายการบินไทยสมายล์ของบอร์ด มองว่าดำเนินการได้ยาก เพราะจะกระทบต่อการเชื่อมโยงเส้นทางการบินของไทยสมายล์และการบินไทย

พล.อ.อ.ศิวะเกียรติ  กล่าวว่า ด้านแผนฟื้นฟูธุรกิจบริษัทการบินไทย บอร์ดได้แต่งตั้ง นายนิรุฒ มณีพันธ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายทรัพยากรและกำกับองค์กร และนายดนุช บุนนาค รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายรายได้เสริมองค์กร เข้าดำเนินการร่วมกับทีมพิเศษ เพื่อวางแผนฟื้นฟูวิกฤต ร่วมกับผู้บริหาร 3 รายที่ได้แต่งตั้งไปก่อนหน้านี้ โดยแผนฟื้นฟูวิกฤตจะเร่งปรับลดต้นทุนบริหารจัดการ 4,000 ล้านบาท ใน ช่วงครึ่งปีนี้ –ไตรมาสแรกปีหน้า ผ่านโครงการเกษียณอายุ พนักงานที่มีปัญหาด้านสุขภาพ รวมถึงพนักว่างงาน ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 900 คน

นอกจากนี้แผนฟื้นฟูฯ จะมุ่งเพิ่มรายได้อย่างน้อย 3,000-5,000  ล้านบาท ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปีหน้า ซึ่งยอมรับว่าแผนดังกล่าวจะทำให้การบินไทยขาดทุนลดลง รวมถึงปรับตัวมีผลกำไรดีขึ้น ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะอย่างน้อย 3 ปีนับจากนี้ โดยในปี 2560 การบินไทยจะเป็นสายการบินซุปเปอร์ พรีเมี่ยม ในด้านการบริการที่ดี

“การบินไทยเตรียมฝึกอบรมด้านการบริการที่ดี นำร่องการให้บริการชั้นหนึ่ง โดยมีฝ่ายพนักสัมพันธ์สอบถามลุกค้าที่จองที่นั่งชั้นหนึ่งถึงเมนูอาหารล่วงหน้า เป็นต้น การยกระดับการบริการครั้งนี้ การบินไทยจะไม่เพิ่มราคา เพื่อแข่งขันกับราคาตลาดได้ โดยยอมรับว่าแผนต่างให้การบินไทยมีผลประกอบการค่อยๆดีขึ้น และทำผลกำไรได้ชัดเจนในปี 2561 ”พล.อ.อ.ศิวะเกียรติ กล่าว

การบินไทยอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทท่าอากาศยานไทย(ทอท.) เพื่อก่อสร้างห้องรับรองผู้โดยสารแห่งใหม่ รองรับการบริการในอนาคตด้วย