หุ้นโรงแรมเสี่ยงสูงเอราวัณจ่อขาดทุน

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ต้องเลื่อนการนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ไปต่างประเทศที่ยุโรป สหรัฐ และแถบเอเชีย เช่น สิงคโปร์ ออกไปอย่างไม่มีกำหนด จากที่กำหนดไว้เดือน มิ.ย.ที่จะถึงนี้

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ได้สอบถามไปยังบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากเหตุจลาจล เช่น กลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม และค้าปลีก ทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้น และการทำประกันภัย ซึ่งคาดว่าผลกระทบจะเห็นชัดเจนในไตรมาส 2 ปีนี้

นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท บีอีซี เวิลด์ (BEC) กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ในปี 2553 เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักจากปีก่อน แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 หยุดออกอากาศเป็นเวลารวมประมาณ 95 ชั่วโมง ทำให้ขาดรายได้ประมาณ 120 ล้านบาท ก็ตาม

นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) กล่าวว่า โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ไม่ได้รับความเสียหาย และคาดว่าจะเปิดให้บริการวันที่ 1 มิ.ย.นี้

น.ส.กมลวรรณ วิปุลากร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERAWAN) กล่าวว่า บริษัทได้ปรับลดประมาณการรายได้รวมของทั้งกลุ่มลงประมาณ 20% แต่ยังสูงกว่ารายได้รวมของปี 2552 ที่ผ่านมาประมาณ 5%

ด้านการปิดให้บริการโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ และโรงแรมคอร์ทยาร์ดโดยแมริออท กรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ย่านราชประสงค์ คาดรายได้ลดจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ก่อนประมาณ 150 ล้านบาท

บล.พัฒนสิน คาดว่า บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) กรณีศูนย์การค้าเซนถูกเผาทั้งหมด ความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 7,800 ล้านบาท หรือ 30% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด 2.6 หมื่นล้านบาท

สำหรับบริษัท การบินไทย (THAI) อัตราบรรทุกปัจจุบันลดลงเหลือ 5662% จาก 65% ในเดือน เม.ย. และผู้โดยสารที่เข้าประเทศลดลงเหลือไม่เกินครึ่งหนึ่งของความจุทั้งหมด จึงต้องพิจารณาลดเที่ยวบิน หรือยกเลิกบางเส้นทางชั่วคราว

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า บริษัทกำลังปรับลดประมาณการของธุรกิจโรงแรมลง คาด ERAWAN จะได้รับผลกระทบมากสุด และปีนี้จะมีผลขาดทุนสุทธิ ส่วนบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) กระทบน้อยสุด

บล.เอเซีย พลัส แนะนำชะลอการลงทุนใน CPN หลังปรับลดประมาณการลงราว 23% ในปีนี้ และอีก 17% ในปี 2554 ส่วนกลุ่มบันเทิงน้ำหนักเท่ากับตลาด คาดบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) และ BEC น่าจะกลับมาดำเนินงานปกติในเร็วๆ นี้