กระจกสะท้อนตัวเอง

คุณเคยรู้สึกหงุดหงิดคนรอบๆ ข้างไหม คนนั้นไม่ดีอย่างนั้น คนนี้ไม่ดีอย่างนี้ ถามหน่อยว่า ตกลงคนที่ดีที่สุดก็คือ ตัวเราเองใช่หรือเปล่า ถ้าตอบว่าใช่ แปลว่า อาการเราเองเริ่มหนักแล้ว บางครั้งมนุษย์อย่างคุณและผมก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกว่า ทุกคนรอบๆ ตัวเราแย่อย่างนั้น อย่างนี้ ผมว่าเราต้องหันกลับมามองตัวเองใหม่

สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อเสมอคือ ผลลัพธ์และการที่เราแตกแยกกับทุกคนรอบๆ ข้าง ก็ชี้ให้เห็นผลลัพธ์ว่าเรามีความคิดแตกต่าง ลองมองว่าคนรอบข้างเป็นกระจกสะท้อนตัวเรา จะรู้เลยว่าการที่เราทะเลาะกับทุกคนรอบๆ ข้าง ก็ล้วนสะท้อนปัญหาที่เกิดจากตัวเราเองนั่นแหละ การแก้ปัญหาไม่ใช่การลุกขึ้นมาแล้วสู้กับทุกคนรอบข้าง เพราะแท้จริงแล้วคนรอบข้างเขาแค่สะท้อนตัวเราออกมาให้เราดู ที่เราต้องทำคือ พิจารณาสิ่งที่เป็น แล้วกลับมาเริ่มแก้ปัญหาที่ตัวเรา

ในโลกใบนี้ ผมเชื่อว่า มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสัตว์สังคม คือเราไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาให้อยู่คนเดียว เราจึงไม่สามารถเก่งทุกอย่าง นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า เราถึงต้องอาศัยคนอื่นๆ ในการช่วยเติมเต็มในสิ่งที่เราขาดและช่วยให้เราเห็นตัวเอง มีคนพูดว่าตัวเราและอนาคตเราจะเป็นอย่างไร ลองมองรอบๆ ตัว 5 คนที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด ว่าเขาเป็นอย่างไร นั่นแหละ ตัวเราและก็อนาคตของเรา

ฟังดูโหดร้ายนะถ้าผมจะบอกว่า ถ้าเราต้องการจะเปลี่ยนตัวเอง มันไม่ใช่เราขึ้นมาเปลี่ยนคนรอบข้าง มันเพียงแค่เราดูและพิจารณาจากตัวเองก่อนว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นมันคืออะไร และที่ทำหลังจากนั้นก็ลองพิจารณาว่ากระจกสะท้อนเรา ซึ่งก็คือคนรอบข้าง เขาสะท้อนมุมที่เราอยากเป็นใช่หรือไม่ ถ้าไม่ใช่มันก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเปลี่ยนเพื่อนหรือเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ปัญหาในปัจจุบัน คือ เราต่างมองสิ่งนี้ผิดๆ เพราะคนเราส่วนใหญ่คิดว่าเราเปลี่ยนคนอื่นได้ โดยที่เราใช้ตัวเองตัดสินว่า คนนั้นผิดอย่างนั้น อย่างนี้ ต้องเปลี่ยนอย่างนั้น เปลี่ยนอย่างนี้ ซึ่งในความเป็นจริง ผมไม่เคยเห็นใครจะเปลี่ยนคนอื่นได้เลย หากคนคนนั้นเขาไม่ได้ต้องการที่จะเปลี่ยนตัวเอง ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่เราเริ่มคิดเห็นไม่ตรงกับคนรอบข้าง ลองใช้มันเป็นกระจกสะท้อน แล้วเริ่มคิดพิจารณาอย่างลึกซึ้งว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร

สิ่งสำคัญที่สุดของความเป็นคนคุณภาพ คือ เราต้องมีความ อดทน ไม่ว่าเรื่องนั้นๆ จะรุนแรงหรือหนักหนาสักเพียงใด ต้องไม่ลืมว่า ไม่มีปัญหาใดที่แก้ได้ด้วยอารมณ์ อารมณ์มีแต่จะผูกปัญหาให้แย่และซับซ้อนขึ้น ส่วนตัวผมเคยเจอปัญหาเกี่ยวกับธุรกิจและชีวิตที่ประดังเข้ามาพร้อมกัน บอกได้เลยว่าตรงนั้นรับไม่ไหว สุดท้ายผมใช้อารมณ์แก้ปัญหา ก็ส่งผลให้ปัญหาต่างๆ ยิ่งแย่เข้าไปอีก ...ใช่!! ครับ สติและความอดทนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด คุณรู้หรือไม่ว่าปัญหาทุกอย่างในโลกไม่ว่าจะหนักแค่ไหนมันสามารถแก้ได้หมด แต่ที่คนส่วนใหญ่แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะเรามองปัญหานั้นคือปัญหาของเรา!! “ปัญหาของเรา?” เดี๋ยวๆ ปัญหาจริงๆ ถ้าจะแบ่ง มันมีแค่ 2 แบบ คือ หนึ่ง ปัญหาของคนอื่น อันนี้แก้ง่ายมาก เพราะเราไม่ได้มีอารมณ์ร่วม การแก้ปัญหาก็ใช้เหตุผลค่อยๆ แก้ มันง่ายครับ แต่สอง ปัญหาเรา อันนี้สิยาก เพราะมันเป็นเรื่องของอารมณ์และจิตใจเข้ามาผูก ซึ่งอารมณ์มันอยู่เหนือเหตุผลเสมอ ดังนั้น การแก้ปัญหาของเรามันไม่ใช่เริ่มแก้ทันที แต่มันต้องเริ่มมองปัญหาให้ถูก ต้องใช้เหตุผลให้มาก และตัดอารมณ์ออกไปให้เหลือน้อยที่สุด

อ่านมาถึงจุดนี้ หลายๆ คนอาจจะเริ่มสงสัยว่า บทความนี้เกี่ยวกับการลงทุนอย่างไร เกี่ยวสิครับ เพราะการลงทุนก็เป็นตัวสะท้อนชีวิตของเรา คุณสังเกตไหมว่า คนส่วนใหญ่ลงทุนแล้วเจ๊ง ก็เพราะเขาไม่เข้าใจแก่นของมัน การลงทุนจริงๆ แล้วมันคือ การเข้าใจมนุษย์ และหาโอกาสในการเข้าทำกำไรในภาวะที่คนส่วนใหญ่ใช้แต่อารมณ์ ซึ่งช่วงที่คนใช้แต่อารมณ์ก็คือช่วงวิกฤตต่างๆ เพราะจะเห็นเลยว่าเวลาเกิดวิกฤต ทุกคนจะแห่ขายหนีตายด้วยอารมณ์กลัว โดยไม่สนว่าราคาจะต่ำกว่าพื้นฐานแค่ไหน ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ หากคุณมีสติคุณก็จะสามารถใช้เหตุผลและเข้าซื้อหุ้นพื้นฐานดีที่คนส่วนใหญ่แห่ขายทิ้งจนราคาถูกด้วยอารมณ์นั่นเอง

จะเห็นได้ว่า นอกจากการมีวุฒิภาวะทางอารมณ์จะช่วยให้ชีวิตคุณดีขึ้นแล้ว มันยังสามารถช่วยให้คุณสามารถรวยได้ในตลาดหุ้นอีกเช่นกัน

ใช่!! ความอดทนและความมีเหตุผลเป็นสิ่งเล็กที่คนส่วนใหญ่ มองข้าม แต่มันคือ สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต รวมทั้งการลงทุน...จัดไปครับ!!