“อุชัย วิไลเลิศโภคา” ผู้บริหาร OCEAN

“อุชัย วิไลเลิศโภคา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช (OCEAN) ผู้นำเข้า ผลิต ประกอบและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับประปาและสุขภัณฑ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเตรียมขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 100 ล้านหุ้น และคาดว่าจะจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ภายในปลายเดือน พ.ย.นี้

ผู้ชายคนนี้เริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 13 ปี เมื่อเรียนจบ ป.7 เริ่มงานตั้งแต่เด็กประจำออฟฟิศสำนักงาน พนักงานส่งเอกสาร พนักงานบัญชี ฝ่ายขาย เป็นต้น จนวันหนึ่งเห็นเพื่อนขายก๊อกน้ำจึงทดลองขาย โดยเข้าไปซื้อก๊อกน้ำมา บ่ายไปส่งของ เก็บเงิน ลงบัญชีเองหมด

จุดเปลี่ยนที่ทำให้ “อุชัย” มีธุรกิจเป็นของตนเองได้ คือ ช่วงปี 2540 ที่ใครต่อใครเจอวิกฤตเศรษฐกิจ เขามีเงินหมุนเวียนน้อย ไม่มีหนี้สินหรือเงินค้างจ่ายจากลูกค้าเลย เขาใช้เวลานี้ทำเป็นร้านค้าย่อยขยายงานรับพนักงานเข้าทำงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะฝ่ายขายจากที่ขายคนเดียวเพิ่มเป็น 78 คน

“ตอนนั้นคิดเพียงว่าสิ่งที่ลุยไม่เสมอตัวก็จะบวกเพิ่มขึ้นและตั้งใจลุยขายให้ได้ ซื้อสินค้ามาเพิ่ม และเริ่มใช้กลยุทธ์ในการให้เครดิตเทอมกับลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายเป็น 6 เดือน จากคนอื่น 3 เดือน โดยผมเองจะเป็นคนตัดสินใจว่าลูกค้าไหนจะได้เครดิตระยะเวลาเท่าไร”

ร้านค้าย่อยที่มียอดขายโตขึ้นและเริ่มก่อตั้งเป็นรูปบริษัท OCEAN ขึ้นมาเป็นเวลา 10 ปีถึงปัจจุบันนี้ในการส่งสินค้าทั้งร้านค้ายี่ปั๊วด้วยกันเอง บริษัทส่งสินค้าไปยังร้านค้าสมัยใหม่ ร้านค้าทันสมัย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้รับการแนะนำหรือส่งต่อมาจากผู้บริหารของโกลบอลเฮ้าส์ว่าน่าจะจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้น

จากตัวเลขยอดขายที่เคยได้ต่อวัน 6,0007,000 บาท เป็น 23 แสนบาทต่อเดือน หรือ 23 ล้านบาทต่อปี ปัจจุบันมียอดขาย 270 ล้านบาท รายได้ต่อปีมีการเติบโตขึ้น 20% อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 30% อัตรากำไรสุทธิ 78% จนปัจจุบันมีสินค้าภายใต้แบรนด์ที่รู้จักกันดีอย่าง DUSS, Saza, 3P, Feed, Union และ Icon

คนที่ทำงานมาตั้งแต่เด็กแต่เพราะความอยากรู้และชอบเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงบุคคลต่างๆ เขาเริ่มต้นทำงาน พร้อมกับอ่านหนังสือศึกษาค้นคว้าทุกอย่างด้วยตัวเอง ทำให้ทุกอย่างตกตะกอนเป็นองค์ความรู้ที่สะสมมาจนถึงทุกวันนี้ และไม่แก่เกินเอื้อมที่จะเรียน เพราะในที่สุดก็สามารถคว้าปริญญาตรีให้กับตัวเองได้ในด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี

ชีวิตวัย 57 ปีของชายคนนี้เวลาว่างชอบอ่านหนังสือ และปลูกต้นไม้อยู่กับบ้านเพราะรู้สึกทำให้จิตใจสงบ มีสติ และรู้สึกผ่อนคลายไปในตัว โดยมีลูกชายทั้งหมด 2 คน คนโตวัย 26 ปีได้เข้ามาช่วยดูแลในการพัฒนาและคัดเลือกสินค้าเข้ามาขายในบริษัท ขณะที่ลูกชายคนเล็กทำงานอยู่บริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง สำหรับการเลี้ยงลูกของเขาไม่ได้ตั้งกรอบจำกัดอะไรมาก เน้นให้คิดเป็นในการใช้ชีวิต และสิ่งสำคัญคือการมีความนอบน้อมถ่อมตน