หวั่นเด็กไทยเรียนเอาวุฒิ-ไร้เป้าหมายอาชีพ

อาจารย์ มธ.ห่วงเด็กไทยเรียน ป.โทเอก เฟ้อ หลังพบค่านิยมคนรุ่นใหม่หวังเอาวุฒิสู้ศึกอาเซียน

นางการดี เลียวไพโรจน์ ผู้ช่วยศาสตรา จารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า เรื่องที่น่าเป็นห่วงสำหรับเด็กไทยยุคใหม่คือ ทั้งเด็กและพ่อแม่ต้องการให้เด็กศึกษาต่อจนจบปริญญาโทและปริญญาเอก เป็นการเรียนที่มุ่งหวังแต่วุฒิ แต่ไม่ได้มีเป้าหมายอื่นว่าจะนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน หรือต่อยอดกับงานที่ทำอย่างไร

“กลุ่มที่นิยมเรียนปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกจบแบบรวดเดียว ยิ่งต้องถามให้ชัดว่าจุดหมายในการเรียนคืออะไร เด็กจำนวนมากแห่มาเรียนปริญญาโทและปริญญาเอกด้านการบริหารเพื่อเป็นผู้บริหาร แต่บริหารอะไรไม่ได้เลย เพราะไม่มีจุดหมายว่าจะบริหารอะไร” นางการดีกล่าว

ทั้งนี้ การเรียนเพื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ควรคำนึงถึงความต้องการของประเทศและความต้องการของอาเซียนเป็นหลัก สาขาใดที่มีความต้องการมาก ก็สะท้อนว่ามีโอกาสได้งานตรงกับสิ่งที่เรียน และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ได้จริง

นางการดี กล่าวอีกว่า อาชีพที่ตลาดต้องการมากที่สุดในขณะนี้ คืออาชีพที่เกี่ยวข้องกับสายอาชีวะ แต่ด้วยทัศนคติที่ฝังรากในใจคนไทยตั้งแต่ผู้ปกครองถึงเด็ก มองว่าคนที่เรียนสายอาชีวะคือคนไม่เก่ง ไม่มีอนาคต ทั้งที่ความจริงผู้เรียนจบสายอาชีวะก็สามารถเติบโตในสายอาชีพที่ดีได้ และมีความต้องการอยู่ทั่วทั้งอาเซียน ดังนั้นเด็กไทยอาจไม่จำเป็นต้องเรียนจบปริญญาตรีหรือปริญญาโทก็ได้หากมีเป้าหมายในชีวิต

อย่างไรก็ตาม ไทยยังต้องการบุคลากรที่จบระดับปริญญาโทและปริญญาเอกอีกจำนวนมากเพื่อทำงานด้านวิจัยและพัฒนา หากเด็กรุ่นใหม่วางเป้าหมายการศึกษาอย่างมีคุณภาพ จะช่วยพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ให้ไทยพร้อมแข่งขันได้

ด้านนายปิติเขต สู้รักษา รองศาสตราจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยส่วนหนึ่งไม่สนใจเป็นนักวิจัย เพราะมองว่าเป็นอาชีพที่ไม่เห็นผลตอบแทนเป็นรูปธรรม ดังนั้น ทุกฝ่ายควรมีส่วนร่วมในการสร้างแรงจูงใจ ทำให้เด็กรุ่นใหม่ตระหนักได้ว่าความสุขของการเป็นนักวิจัย คือการได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ และมีส่วนร่วมในการพัฒนานวัตกรรมให้แก่ประเทศ

นอกจากนี้ ภาครัฐเองต้องมีส่วนร่วมสร้างกลไกเอื้อให้คนรุ่นใหม่เห็นผลตอบแทนของการประกอบอาชีพนักวิจัยอย่างเป็นรูปธรรมด้วย