คลิปวิดีโอใช้ดำเนินคดีได้
มีผู้อ่านหลายคนสอบถามว่า คลิปวิดีโอหรือภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหวที่ได้จากกล้องวงจรปิด สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานพิสูจน์ข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิดของจำเลยได้หรือไม่ เนื่องจากปัจจุบันประชาชนได้นำกล้องถ่ายภาพ โทรศัพท์มือถือ วิดีโอแบบพกพา วงจรปิดแบบติดตามบ้านและติดไว้กับรถยนต์ มาใช้ในการบันทึกเหตุการณ์ที่ตัวเองได้ประสบพบเห็นมา มีการบันทึกไว้หลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น
มีผู้อ่านหลายคนสอบถามว่า คลิปวิดีโอหรือภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหวที่ได้จากกล้องวงจรปิด สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานพิสูจน์ข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิดของจำเลยได้หรือไม่ เนื่องจากปัจจุบันประชาชนได้นำกล้องถ่ายภาพ โทรศัพท์มือถือ วิดีโอแบบพกพา วงจรปิดแบบติดตามบ้านและติดไว้กับรถยนต์ มาใช้ในการบันทึกเหตุการณ์ที่ตัวเองได้ประสบพบเห็นมา มีการบันทึกไว้หลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น
คลิปตำรวจเทศกิจที่พัทยา “เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสงบเมืองพัทยา ถอยรถชนประชาชน โดยเขาต้องการแค่เพียงคำว่า ‘ขอโทษ’ แต่เจ้าหน้าที่กลับ... อายชาวต่างชาติจัง”
คลิป “คราวหน้า พับเล็กนะครับ” ลงในเว็บไซต์ยูทูบ โดยเป็นเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจรถยนต์นั่งส่วนบุคคลคันหนึ่ง พร้อมกับบอกคนขับว่า “คุณโทรศัพท์ขณะขับรถ” ระหว่างการพูดคุยเจ้าของรถก็ยื่นธนบัตร 100 บาท ให้ตำรวจ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดถูกบันทึกไว้
เผยคลิปวงจรปิด “พี ปรเมศวร์” ยิงเอ ภาพวงจรปิดของอาคารที่สามารถจับภาพเหตุการณ์ได้เกือบทั้งหมด
คลิปตำรวจไถเงินแต๊ะเอียตรุษจีนในร้านสูทชื่อดัง ย่านสี่พระยา กับคำพูดของนายดาบ “ที่มาเก็บๆ นี่ก็ส่งนายกันทั้งนั้น พวกผมได้หน่อยเดียวเอง”
ดาราสาวดาวรุ่งค่ายกันตนา “เอม เจษยา” หอบหลักฐานวงจรปิดโร่แจ้งความ สน.วังทองหลาง ถูกกลุ่มชายอ้างเป็นตำรวจบุกค้นคอนโดปล้นทรัพย์รวมกว่า 3 แสน
กรณีคลิปดังที่ สภ.คูคต ชายขับรถปิกอัพส่ายไปส่ายมา พุ่งชนรั้วบ้านและจักรยานที่มีเด็กนั่งอยู่จนได้รับบาดเจ็บ ล่าสุดคนขับรถเข้าเจรจายอมความกับผู้เสียหายแล้ว เรียกค่าชดใช้ 2 แสน บอกกลัวไม่ปลอดภัยจึงไม่ลงมาดูเหตุการณ์ คดีจบด้วยดี
คลิปวิดีโอใช้เป็นพยานหลักฐานได้ ถ้ามิได้เกิดจากการหลอกลวงหรือกระทำการโดยมิชอบ (อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 4674/2543) เช่น เราไปพบเห็นเหตุการณ์ตำรวจ เทศกิจ หรือข้าราชการ กำลังทุจริตหรือกำลังทำร้ายประชาชน ผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์บันทึกภาพไว้ พนักงานสอบสวนหรือศาลสามารถนำคลิปวิดีโอไปเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์ความจริงหรือพิสูจน์ความผิดได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 226 เพราะถือว่าเป็นพยานวัตถุ
แต่ถ้าเป็นการวางแผนเพื่อไปบันทึกภาพพร้อมเสียงก่อนขึ้นศาลเพียง 1 วัน เพื่อใช้เป็นการสร้างพยานหลักฐานใหม่และแกล้งทำเป็นดี เพื่อให้คู่กรณีของตนเองยอมพูดออกมาเพื่อนำไปเป็นพยานหลักฐานใหม่ในชั้นศาล ถือว่าเป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นโดยมิชอบ ต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์ความจริงหรือพิสูจน์ความผิดได้ (อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 2414/2551)
การนำสืบพยานเกี่ยวกับคลิปวิดีโอหรือวงจรปิด จะต้องทำอย่างไรในชั้นศาล โดยทั่วไปใช้วิธีการเปิดให้ศาลดูและให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งดูพร้อมกัน แต่บางครั้งฝ่ายที่อ้างพยานวัตถุดังกล่าว ใช้วิธีการ Capture ภาพนิ่ง และ Print Out ออกมาเป็นแผ่นเฉพาะที่เป็นประเด็นสำคัญแห่งคดี ส่วนจะเปิดแผ่นคลิปหรือไม่ ไม่มีกฎหมายบังคับไว้
แต่ข้อที่ควรระวัง จะต้องไม่มีการตัดต่อ ถ้าหากมีการตัดต่อถือว่าเป็นพยานหลักฐานที่มีข้อบกพร่อง ไม่สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานพิสูจน์ความผิดของจำเลยได้
คลิปวิดีโอเป็นพยานหลักฐานที่ดีที่สุด เพราะไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ จึงมีคุณค่าในการพิสูจน์ความจริง
ดังนั้น หากพี่น้องประชาชนพบเห็นการกระทำที่เป็นการทุจริตคอร์รัปชัน หรือพบเห็นเหตุการณ์ที่เป็นภัยต่อสังคม ก็ขอให้ช่วยกันบันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษต่อไป


