เสื้อผ้าและอาหารที่ให้ แก่ลูกจ้าง/พนักงาน

โดย...สมชาย ชูเกตุ

การประกอบธุรกิจไม่ว่าจะขนาดใหญ่หรือเล็ก นอกจากต้องแข่งขันกับธุรกิจต่างๆ ด้วยกันแล้ว ในเรื่องสวัสดิการที่ให้แก่ลูกจ้าง/พนักงาน ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ธุรกิจนำมาใช้เป็นแรงจูงใจ เพื่อเพิ่มผลิตผลและการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัท ห้างร้านโดยรวม การให้สวัสดิการแก่ลูกจ้าง/พนักงานมีหลายรูปแบบ เช่น จัดรถรับส่ง มีบ้านพักให้อยู่อาศัย มีอาหารให้รับประทาน แจกเครื่องแบบ มีสถานที่ออกกำลังกายไว้บริการ รักษาพยาบาลฟรี เป็นต้น สวัสดิการของพนักงาน/ลูกจ้าง เป็นสิ่งจูงใจที่สำคัญนอกเหนือจากเงินเดือนค่าจ้างที่ได้รับ

วันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเสื้อผ้าและอาหารที่ให้แก่ลูกจ้าง/พนักงาน บริษัท ห้างร้าน สามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายทางภาษีได้หรือไม่ อย่างไร และภาษีซื้อที่เกี่ยวข้องจะขอคืนได้หรือไม่ กฎหมายได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้าง/พนักงาน สรุปได้ดังนี้

1.เสื้อผ้าที่แจกให้แก่ลูกจ้าง/พนักงาน

โดยปกติเสื้อผ้าที่แจกให้ กฎหมายได้กำหนดให้เป็นประโยชน์เพิ่มของลูกจ้าง/พนักงาน อย่างไรก็ดีกฎหมายได้ส่งเสริมการให้สวัสดิการในส่วนนี้ ลูกจ้างหรือพนักงานจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากมูลค่าเสื้อผ้าที่รับแจก ไม่ต้องนำมูลค่าเสื่อผ้าไปเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแต่อย่างใด ทั้งนี้เสื้อผ้าที่แจกให้ต้องเป็นเครื่องแบบ คนละไม่เกิน 2 ชุดต่อปี และเสื้อนอก คนละไม่เกิน 1 ตัวต่อปี กรณีเป็นเสื้อผ้าอื่นๆ คงต้องเสียภาษีตามปกติ

“เครื่องแบบ” หมายความว่า เครื่องแต่งกาย รวมทั้งสิ่งประกอบเครื่องแต่งกายที่กำหนดให้แต่งเพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน แต่ไม่รวมถึงรองเท้าที่อาจใช้งานได้ทั่วไป ชุดชั้นใน หรือสิ่งประกอบเครื่องแต่งกายที่ทำด้วยโลหะหรืออัญมณีที่มีค่า เช่น เงิน ทองคำ ทับทิม หยก

“เสื้อนอก” หมายความรวมถึง ชุดไทยพระราชทานและเสื้อที่นิยมใช้ในการแต่งกายไปในงานสำคัญต่างๆ

หากนายจ้างเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เสื้อผ้าที่แจกให้ลูกจ้าง/พนักงานถือเป็นการขายต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่กฎหมายได้กำหนดว่า มูลค่าเสื้อผ้าที่แจกไม่ต้องนำไปเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีซื้อจากการซื้อเสื้อผ้าดังกล่าวสามารถขอคืนได้ รายจ่ายดังกล่าวนายจ้างสามารถนำไปหักเป็นรายจ่ายทางภาษีได้

ถ้าหากนายจ้างแจกเครื่องแบบมากกว่า 2 ชุด และให้เสื้อนอกมากกว่า 1 ตัวต่อปี ผลทางภาษีจะเป็นอย่างไร หากเป็นเช่นนี้ เครื่องแบบชุดที่ 3 หรือเสื้อนอกตัวที่ 2 ขึ้นไป มูลค่าของเสื้อผ้าที่ลูกจ้าง/พนักงานได้รับต้องนำไปรวมคำนวณเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และนายจ้างต้องนำมูลค่าเสื้อผ้าดังกล่าวไปเสียภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย

2.อาหารและเครื่องดื่มที่จัดให้แก่ลูกจ้าง/พนักงานขณะปฏิบัติงาน

มูลค่าอาหารและเครื่องดื่มที่นายจ้างจัดให้แก่ลูกจ้าง/พนักงานขณะปฏิบัติงาน ถือเป็นประโยชน์เพิ่มของลูกจ้าง/พนักงาน ต้องนำไปเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีภาษีด้วย ในส่วนของนายจ้างที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ต้องนำมูลค่าอาหารและเครื่องดื่มไปเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้มูลค่าอาหารและเครื่องดื่มต้องมีราคาไม่เกินสมควร รายจ่ายดังกล่าวนายจ้างสามารถนำไปหักเป็นรายจ่ายทางภาษีได้

บริษัท ห้างร้าน ลูกจ้าง/พนักงานต่างก็ได้ประโยชน์กันหมด ดังนั้นบริษัท ห้างร้าน ที่จะซื้อใจลูกจ้าง/พนักงาน สามารถวางแผนเกี่ยวกับรายจ่ายสวัสดิการดังที่กล่าวมาข้างต้น ทั้งนี้นายจ้างต้องจัดทำระเบียบเกี่ยวกับสวัสดิการที่ให้แก่ลูกจ้าง/พนักงานไว้ให้แน่ชัด จะได้ไม่มีปัญหาในภายหลังในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มและการหักรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้ สวัสดีครับ