posttoday

ปลานิล-ปลาทับทิม กินได้ปลอดภัยไม่เป็นหมัน

29 ตุลาคม 2555

จากการพัฒนาด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ส่งผลให้โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ขณะที่ผู้คนก็ให้ความสำคัญและใส่ใจกับเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องอาหารการกินที่จะมีผลต่อสุขภาพโดยตรง การได้รับข่าวสารต่างๆ ถึงความไม่ปลอดภัยในอาหาร แนวโน้มการเกิดพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศหรือการโตเป็นหนุ่มเป็นสาวที่เร็วขึ้น ทำให้เกิดความคิดเชื่อมโยงว่าเป็นผลมาจากอาหารการกินที่ปนเปื้อนสารต่างๆ จนอาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการบริโภค

จากการพัฒนาด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ส่งผลให้โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ขณะที่ผู้คนก็ให้ความสำคัญและใส่ใจกับเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องอาหารการกินที่จะมีผลต่อสุขภาพโดยตรง การได้รับข่าวสารต่างๆ ถึงความไม่ปลอดภัยในอาหาร แนวโน้มการเกิดพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศหรือการโตเป็นหนุ่มเป็นสาวที่เร็วขึ้น ทำให้เกิดความคิดเชื่อมโยงว่าเป็นผลมาจากอาหารการกินที่ปนเปื้อนสารต่างๆ จนอาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการบริโภค

ดังนั้น การทำความเข้าใจและให้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น ผู้เขียนจึงอยากเป็นสื่อกลางสร้างความเชื่อมั่นถึงความปลอดภัยทางอาหาร โดยเฉพาะในผลิตผลจากภาคประมงให้กับผู้บริโภค ด้วยการให้ข้อมูลในทางวิทยาศาสตร์เพื่อช่วยยืนยันถึงความปลอดภัย อันจะช่วยสร้างความมั่นใจในการบริโภคปลาของคนไทยครับ

เมื่อกล่าวถึงปลาน้ำจืดที่นิยมเพาะเลี้ยงแพร่หลายทั่วโลกในปัจจุบันนั้น หนึ่งในชนิดปลาที่วงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำต้องนึกถึงคือ “ปลานิล” เพราะเพาะเลี้ยงง่าย เชื่อง ให้ลูกดก เนื้อขาวมีรสชาติที่ดี โตเร็ว ก้างน้อย แล่ออกเป็นชิ้นเนื้อได้ และที่สำคัญเลี้ยงในน้ำกร่อยที่มีความเค็มสูงได้ถึง 15 พีพีที ซึ่งเป็นข้อดีทำให้ปลาเลี้ยงไม่มีกลิ่นโคลน จากคุณสมบัติดังกล่าว ปลานิลจึงได้สมญานามว่าเป็นไก่น้ำ (Aquatic Chicken) ครับ

ปลานิลมีชื่อสามัญว่า Nile Tilapia ชื่อวิทยาศาสตร์ Oreochromis Niloticus (Linn.) เป็นปลากินพืช กินแพลงก์ตอน มีถิ่นกำเนิดอยู่ในลุ่มแม่น้ำไนล์ในทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นแม่น้ำที่มีความยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 6,700 กิโลเมตร ไหลผ่าน 9 ประเทศ ซึ่งไหลจากบริเวณภูเขาจากประเทศซูดานผ่านทางอียิปต์ตอนใต้ แล้วไหลลงสู่ปากแม่น้ำและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนเหนือ ปลานิลเป็นปลาที่เจริญพันธุ์เร็ว อายุเพียง 34 เดือน สามารถผสมพันธุ์วางไข่ได้ตลอดทั้งปี แม่ปลาเท่านั้นที่ต้องดูแลไข่และลูกปลาวัยอ่อนด้วยการอมไว้ในปากจนกระทั่งลูกปลาโตและแข็งแรง ด้วยเหตุนี้ทำให้แม่ปลาจำเป็นต้องใช้สารอาหารเพื่อพัฒนารังไข่ตลอดปีและไม่สามารถกินอาหารได้เต็มที่ช่วงดูแลไข่และตัวอ่อน เป็นผลให้ปลานิลเพศเมียโตช้าและมีขนาดเล็กกว่าปลานิลตัวผู้

การเพาะเลี้ยงปลานิลในประเทศไทยเริ่มมาตั้งแต่การนำเข้าปลานิลครั้งแรก โดยสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตแห่งประเทศญี่ปุ่น เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมาร ได้ทรงจัดส่งเข้ามาทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 50 ตัว เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2508 และได้ทรงเพาะเลี้ยงภายในพระราชวังสวนจิตรลดาเป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานลูกปลาขนาด 35 ซม. จำนวน 1 หมื่นตัว ให้กรมประมงเพื่อดำเนินการเพาะขยายพันธุ์ต่อไปและได้พระราชทานชื่อปลาชนิดนี้ว่า “ปลานิล” เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2509

จากพระมหากรุณาธิคุณวันนั้นถึงวันนี้ ทำให้ประเทศไทยมีปลานิลเป็นแหล่งอาหารโปรตีนคุณภาพที่สำคัญของประชาชนทั้งประเทศ และได้มีความก้าวหน้าในการพัฒนาการเพาะเลี้ยงจนปลานิลเป็นปลาน้ำจืดเศรษฐกิจที่มีความสำคัญเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ โดยมีปริมาณการผลิตสูงกว่า 2 แสนตันต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของผลผลิตสัตว์น้ำจืดที่ได้จากการเพาะเลี้ยงทั้งหมด นอกจากนี้ยังเป็นปลาน้ำจืดที่มีศักยภาพส่งออกสูงเป็นที่ต้องการของทั้งในยุโรป สหรัฐ และญี่ปุ่นอีกด้วย ส่วนปลาทับทิมก็เกิดจากการปรับปรุงพันธุ์ปลานิลของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ใช้วิธีธรรมชาติกระทั่งได้ปลาสีแดงอมชมพู เป็นปลาเศรษฐกิจอีกชนิดของไทย และได้รับพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเช่นกัน

ข้อจำกัดของปลานิลเพศเมียดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ก่อให้เกิดปัญหาจากการเลี้ยงปลานิลแบบรวมเพศ ทำให้เกิดลูกปลาแน่นบ่อ ปลาที่เลี้ยงจึงเติบโตได้ไม่เต็มที่ ผลผลิตที่ได้จึงต่ำ แนวทางแก้ปัญหาที่ได้ผลดีที่สุดก็คือทำอย่างไรให้ได้ปลานิลเพศผู้ล้วนในการเลี้ยง เพราะจะทำให้การจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถวางแผนการผลิตได้และให้ผลตอบแทนที่สูงแก่เกษตรกร

ปัจจุบันเกษตรกรจึงเลือกเทคโนโลยีผลิตลูกปลานิลเพศผู้ในฟาร์ม ด้วยวิธีผสมฮอร์โมนสังเคราะห์ในอาหารให้ลูกปลากิน เป็นวิธีที่สะดวก ต้นทุนไม่สูง และมีประสิทธิภาพในการเหนี่ยวนำเพศลูกปลาให้เป็นเพศผู้ได้สูงถึงกว่า 95%

ผู้เขียนขอให้ข้อมูลโดยสรุปว่า มีรายงานทางวิทยาศาสตร์จากเอกสารทางวิชาการตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ ที่น่าเชื่อถือ ยืนยันว่าฮอร์โมนเพศผู้ที่ใช้เหนี่ยวนำเพศลูกปลามีปริมาณต่ำมาก และไม่ก่ออันตรายผู้บริโภคได้ เนื่องจากใช้ในช่วงเวลาสั้นๆ ในขณะที่เป็นลูกปลาวัยอ่อน เป็นระยะเวลาเพียง 21-28 วัน ตั้งแต่ลูกปลาเริ่มกินอาหารเท่านั้น และจะใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 68 เดือน กว่าจะเลี้ยงปลาให้ได้ขนาดที่ตลาดต้องการ ซึ่งปริมาณฮอร์โมนที่ใช้เพียง 60 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม อาหารในช่วงการเหนี่ยวนำเพศลูกปลาประกอบกับกลไกทางชีวเคมีภายในร่างกายตลอดระยะเวลาที่เลี้ยง ทำให้ฮอร์โมนถูกเมตาบอไลต์และจะถูกขับทิ้งไปกับสิ่งขับถ่าย ปริมาณฮอร์โมนเพศที่หลงเหลืออยู่ในเนื้อปลาจึงต่ำมากและไม่มีอันตรายต่อการบริโภค รายงานยังได้ยืนยันอีกว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงและการสะสมของฮอร์โมนในโครงสร้างของกล้ามเนื้อปลาแต่อย่างใด

ใครที่คิดว่าปลาเป็นหมัน กินแล้วจะเป็นหมันตามปลา จึงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนนะครับ เพราะ 1.ปลานิลปลาทับทิมไม่ได้เป็นหมัน เพียงแต่ปลาส่วนใหญ่ (95%) เป็นตัวผู้เท่านั้นเอง และปลาตัวเมียก็ให้ลูกได้ตามปกติ 2.ปลาตัวผู้ที่ได้รับการเหนี่ยวนำเพศไม่มีผลให้คนกิน กินแล้วจะแสดงลักษณะเพศชายออกมา อย่างไรก็ตาม ใครที่ต้องการความสบายใจ ก็ขอแนะนำให้เลือกบริโภคปลานิลปลาทับทิมที่ได้ขนาดตลาด ยิ่งโตมากยิ่งดี เพราะเท่ากับว่าปลาได้ผ่านการเลี้ยงเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมและมีความปลอดภัยสูง

สุดท้ายในฐานะที่อยู่ในแวดวงของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ผู้เขียนยืนยันได้ว่า...กินปลานิลปลาทับทิมกันเถอะครับ ... ปลอดภัย...ไม่เป็นหมันแน่นอน!!

ข่าวล่าสุด

สวนดุสิตโพล เปิด 5 อันดับ “นักการเมือง” ประชาชนเชียร์นั่งนายกฯ