สิงห์ชี้น้ำท่วมกระทบศก.หนักสุดรอบ60ปี
"สิงห์"ชี้วิกฤตน้ำท่วมซัดเศรษฐกิจเสียหายทั้งระบบ คาดฟื้นตัวใน2ปี กระทบบริษัทพันรายเจ๊ง-ตกงาน1ล้าน
"สิงห์"ชี้วิกฤตน้ำท่วมซัดเศรษฐกิจเสียหายทั้งระบบ คาดฟื้นตัวใน2ปี กระทบบริษัทพันรายเจ๊ง-ตกงาน1ล้านราย ชี้หนักสุดในรอบ60ปี
นายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ ผู้ผลิตและทำตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มตราสิงห์ เปิดเผยว่าในมุมมองของเอกชนที่มีต่อสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจประเทศทั้งระบบ โดยคาดว่าในภาพรวมจะฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติภายใน 2ปีหลังจากน้ำลด ด้วยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบยังภาคอุตสาหกรรมการผลิตหลายส่วนใน ที่ยังต้องแก้ปัญหาน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่, การติดตั้งเครื่องจักรใหม่ รวมถึงการขาดแคลนวัตถุดิบบางรายการที่เสียหายไปในพื้นที่น้ำท่วม
นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะมีบริษัทไม่ต่ำกว่า 1,000 รายที่ต้องปิดกิจการ และคาดว่ามีแรงงานเฉียด 1 ล้านรายที่จะต้องตกงาน จากผลกระทบภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ ซึ้งโดยส่วนตัวมองว่าเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ และรุนแรงที่สุด นับจากส่วนตัวที่จำความได้จนอายุถึง 60ปีในปัจจุบัน ขณะที่บริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ดำเนินกิจการในไทยกว่า 78ปี และเชื่อว่าเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงมากกว่าที่เกิดขึ้นในปี 2526 และในปี2538
ล่าสุดบริษัทได้เปิดศูนย์บัญชาการช่วยเหลือ ดูแลผู้ประสบภัยน้ำท่วมแบบครบวงจรในชื่อ “สิงห์ เซ็นเตอร์ อโศก” เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงการฟื้นฟูสถานที่ ทรัพย์สิน และร่วมสร้างอนาคตให้ผู้ปราบภัย โดยใช้สถานทูตญี่ปุ่นเก่า แยกอโศก ซึ่งเป็นที่ดินผืนเดิมที่บริษัทวางแผนพัฒนาเป็นโครงการสำนักงานเช่าครบวงจร ที่ขณะนี้เตรียมเปิดใช้เป็นศูนย์ดังกล่าว คาดรองผู้ประสบภัยได้จำนวน 500คนในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งจะเปิดให้บริการทันทีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน โดยบริษัทถือเป็นเอกชนรายแรกที่ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยผ่านศูนย์ฯลักษณะดังกล่าว
พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีแผนส่งอาสาสมัครภายใต้โครงการ “สิงห์อาสา” จำนวนมากลงพื้นที่เพื่อทำภารกิจดูแลผู้ประสบภัยใน ด้านการดูแลสุขภาพ ร่างกาย และจิตใจ พร้อมการซ่อมแซมฟื้นฟู ทั้งเครื่องมือ เครื่องใช้ ตลอดจนอาคารบ้านเรือนของผู้ประสบภัย ซึ่งบริษัทจะรับอาสาสมัครจากผู้ที่ตกงานก่อน และผู้ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้มีการจ้างงานและมีรายได้จากบริษัท เพื่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ในเบื้องต้น เช่นกัน
ทั้งนี้ คาดว่าในสิ้นปีนี้ ถึงต้นปีหน้าน้ำก็ยังไม่ลด ซึ่งหลังจากน้ำลดแล้วยังจะต้องหามาตรการมารองรับ และเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจากน้ำท่วมใหญ่ในประเทศครั้งนี้ เป็นบทเรียนราคาแพงมาก ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทปิด 2โรงงานผลิตเครื่องดื่มที่ปทุมธานี และบางเลน รวมถึงอีก 3โรงงาน คือ อยุธยากล๊าส, วีซี่ แพ็ค และเอ็กซ์วายบีที ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์และฉลากตราสินค้า ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยคาดว่าภายใน 3-4เดือนจากนี้ โรงงานของบริษัทจะฟื้นคืนกลับมาเดินสายผลิตได้ตามปกติ
“ในวันที่เขาช่วยตัวเองไม่ได้ แต่เรายังสามารถช่วยได้ ก็ควรออกมาช่วย และเมื่อเขากลับมาช่วยตัวเองได้อีกครั้ง พวกเขาก็จะกลับมาช่วยเราเช่นกัน เพราะวันนี้หากขายของไปได้เงินมาเราก็คงไม่มีความสุข สู้ออกไปช่วยคนแล้วเรากลับมานอนหลับคงมีความสุขกว่า” นายสันติ กล่าว
นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทสิงห์ คอร์เปอเรชั่น ผู้ทำตลาดเครื่องดื่มตราสิงห์ กล่าวว่าขณะนี้บริษัมสามารถเดินสายการผลิตน้ำดื่มตราสิงห์ได้เป็นปกติใน 4 โรงงานในจังหวัด สิงห์บุรี, ขอนแก่น, เชียงใหม่ และสุราษฎร์ธานี เพื่อกระจายสินค้าไปยังร้านค้าปลีกต่างๆ รวมถึงโรงงานผลิตน้ำดื่มในสามเสน เพื่อกระจายสินค้าในเขตกรุงเทพฯ ด้วย ที่ปัจจุบันมีกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว หรืออยู่ที่ประมาณ 1.3 แสนแพ็คต่อวัน คละการบรรจุปริมาณ 500 มล.บรรจุ12 ขวด และ 1.5ลิตรบรรจุ 6ขวด โดยแบ่งสัดส่วน70-90% ผลิตเพื่อการแจกจ่ายฟรีเท่านั้น
สำหรับสถานการณ์การขาดแคลนน้ำดื่มในปัจจุบัน คาดมาจาก 2ปัจจัยหลัก คือ 1.การกระจายสินค้า ที่แม้ว่าบริษัทได้จัดส่งสินค้าไปยังคลังสินค้าของผู้ประกอบการค้าปลีกช่วงก่อนหน้าแต่ก็ไม่สามารถนำสินค้าออกมาทำตลาดได้ตามปกติ และ 2.จากความต้องการปริมาณสินค้าน้ำดื่มที่สูงเกินจริง โดยมีคนแห่ซื้อเกินความต้องการมหาศาลจากความตื่นตระหนก ขณะที่กำลังการผลิตเครื่องดื่มเบียร์ในขณะนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด


