posttoday

ข่าวดี! คงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7% ขยายเวลาอีกถึงปี 2569

22 ตุลาคม 2568

รัฐบาลมีมติชัด! คงอัตรา VAT 7% ต่อไปถึงปี 2569 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และสร้างเสถียรภาพการลงทุนให้ภาคธุรกิจ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT (Value Added Tax) มักเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจจากทั้งผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นภาษีทางอ้อมที่กระทบต่อการใช้จ่ายและต้นทุนสินค้าโดยตรง ปัจจุบันประเทศไทยคงอัตรา VAT ไว้ที่ 7% มานานหลายปี แม้ว่าอัตราที่บัญญัติไว้ในกฎหมายจริงๆ จะอยู่ที่ 10% ก็ตาม การขยายเวลาคง VAT ที่ 7% จึงถือเป็นข่าวดีที่ช่วยผ่อนแรงให้ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคได้หายใจโล่งขึ้น

ล่าสุดรัฐบาลมีมติชัดเจนให้คงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7% ต่อไปจนถึงปี 2569 เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังต้องการแรงกระตุ้น การคงอัตรานี้ไม่เพียงช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน แต่ยังสร้างบรรยากาศการลงทุนที่มั่นคงมากขึ้นในสายตาของภาคธุรกิจด้วย

ภาษีมูลค่าเพิ่มคืออะไร

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นภาษีที่เก็บจากการซื้อขายสินค้าและบริการ โดยผู้ประกอบการจะเป็นผู้จัดเก็บและนำส่งให้กรมสรรพากร แม้จะถูกมองว่าเป็น “ภาษีที่คนจ่ายโดยไม่รู้ตัว” แต่ก็เป็นแหล่งรายได้หลักของรัฐที่นำไปใช้พัฒนาประเทศ ปกติอัตราที่กำหนดในกฎหมายคือ 10% แต่ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลไทยเลือกใช้อัตราชั่วคราวที่ 7% ต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ

เหตุผลที่รัฐบาลขยายเวลา

สาเหตุหลักที่รัฐบาลยังคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ 7% มาจากหลายปัจจัย เช่น

  1. การฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤต เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงที่ต้องกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุน การขึ้น VAT ในช่วงนี้อาจทำให้ประชาชนชะลอการบริโภค และทำให้ธุรกิจมีต้นทุนสูงขึ้น
  2. ลดภาระค่าครองชีพ ค่าครองชีพของประชาชนยังคงสูง การเก็บ VAT ในอัตราต่ำลงจึงช่วยให้ราคาสินค้าและบริการไม่ขยับขึ้นมากจนเกินไป
  3. สร้างเสถียรภาพให้ผู้ประกอบการ การที่ผู้ประกอบการมั่นใจได้ว่า VAT จะยังอยู่ที่ 7% ไปจนถึงปี 2569 ช่วยให้วางแผนต้นทุน การผลิต และการลงทุนระยะยาวได้ชัดเจนขึ้น
  4. ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ นักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญกับความแน่นอนด้านภาษี การตรึง VAT ที่อัตราเดิมจึงช่วยให้ไทยยังเป็นจุดหมายที่น่าสนใจในการขยายกิจการ

ผลกระทบเชิงบวกต่อประชาชน

สำหรับประชาชนทั่วไป การคง VAT 7% หมายถึงการประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แม้จะดูเป็นตัวเลขที่ไม่มาก แต่เมื่อสะสมตลอดทั้งปีถือว่าช่วยลดภาระครัวเรือนได้พอสมควร เช่น การซื้อของใช้ประจำวัน น้ำมันเชื้อเพลิง ค่าอาหารในร้านค้า หรือแม้แต่ค่าใช้บริการต่างๆ ล้วนอยู่ภายใต้การเก็บ VAT

หากรัฐบาลปรับ VAT กลับไปที่ 10% ตามกฎหมาย ราคาสินค้าและบริการแทบทั้งหมดจะต้องขยับขึ้นทันที การคงไว้ที่ 7% จึงช่วยรักษากำลังซื้อของคนไทยในภาวะที่รายได้ยังไม่เพิ่มขึ้นมากนัก

ผลดีต่อภาคธุรกิจ

โดยเฉพาะธุรกิจ SME ได้รับผลดีโดยตรงจากการขยายเวลานี้ ต้นทุนการดำเนินงานที่ไม่เพิ่มขึ้นมากเกินไป ช่วยให้แข่งขันในตลาดได้ง่ายขึ้น และยังเอื้อให้ผู้ประกอบการสามารถตั้งราคาสินค้าได้เหมาะสมโดยไม่กระทบยอดขายมากนัก

ยิ่งไปกว่านั้น ธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องวางแผนลงทุนระยะยาวก็สามารถวิเคราะห์ต้นทุนได้แม่นยำขึ้น ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นในการตัดสินใจลงทุน ขณะที่ผู้ประกอบการต่างชาติก็เห็นความเสถียรภาพด้านนโยบายภาษีของไทย เป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวม

ผลต่อรายได้ของรัฐ

แม้การคง VAT ที่ 7% จะทำให้รัฐเก็บรายได้ภาษีลดลงจากอัตราที่ควรจะเป็น แต่รัฐบาลมองว่า “ผลได้เชิงเศรษฐกิจ” มีค่ามากกว่า เพราะเมื่อประชาชนกล้าจับจ่าย ธุรกิจมียอดขายเพิ่มขึ้น รายได้ภาษีในรูปแบบอื่นๆ เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทางอ้อมที่มีประสิทธิภาพ

แม้ประชาชนและผู้ประกอบการจะดีใจที่ VAT ถูกตรึงไว้ที่ 7% แต่ก็ยังมีคำถามว่า หลังจากปี 2569 แล้วจะเป็นอย่างไร รัฐบาลอาจต้องทบทวนภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้นอย่างรอบคอบ หากเศรษฐกิจเติบโตแข็งแรงเพียงพอ การขยับ VAT กลับไปที่ 10% ก็อาจเป็นไปได้ แต่ในระยะสั้น การคง VAT ไว้ ถือเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมกับสถานการณ์

กล่าวโดยสรุป การขยายเวลาคงภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ถึงปี 2569 เป็นสัญญาณบวกต่อทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ เพราะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ ทำให้ต้นทุนธุรกิจไม่เพิ่มขึ้นมากเกินไป และสร้างความมั่นใจให้การลงทุนในประเทศ แม้รัฐอาจสูญเสียรายได้บางส่วนจากการไม่เก็บเต็ม 10% แต่ผลที่ได้กลับมาคือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวม การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการบริโภคและการลงทุน ถือเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้

ดังนั้น การตรึง VAT ไว้ที่ 7% จึงไม่ใช่เพียง “ข่าวดี” ในเชิงภาษีเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการวางนโยบายที่คำนึงถึงสมดุลระหว่างรายได้รัฐกับคุณภาพชีวิตของประชาชน และการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจไทยในอนาคตอีกด้วย

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่  Inflow Accounting   

ข่าวล่าสุด

กฤษฎีกาตีตก สลากเพื่อการออมL6 ไม่ถูกคืนเงิน ชี้เกินอำนาจสนง.สลากฯ