posttoday

ดาต้าเซ็นเตอร์ หัวใจหลักของ AI แต่กำลังได้รับการต่อต้านในสหรัฐฯ

04 ธันวาคม 2568

ชาวอเมริกันหลายรัฐลุกขึ้นคัดค้านโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ หวั่นกระทบที่ดิน น้ำ พลังงาน และค่าครองชีพ ขณะที่ไทยมีปัจจัยพร้อมรับการลงทุน AI

KEY

POINTS

  • ดาต้าเซ็นเตอร์ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยี AI กำลังเผชิญกระแสต่อต้านและการประท้วงจากประชาชนในหลายรัฐของสหรัฐฯ
  • สาเหตุหลักของการคัดค้านมาจากผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชน เช่น การใช้ทรัพยากรน้ำและไฟฟ้ามหาศาล มลพิษทางเสียง และปัญหาการใช้ที่ดิน
  • การต่อต้านเกิดขึ้นแม้ในกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลที่ผลักดันนโยบายนี้ เนื่องจากมองว่าโครงการขัดแย้งกับวิถีชีวิตดั้งเดิมในชนบทของพวกเขา

ปัจจุบัน AI นับเป็นอนาคตแห่งเทคโนโลยีโลก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายประเทศต่างทุ่มเทงบประมาณแก่อุตสาหกรรมนี้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะการจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ที่ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักและหัวใจสำคัญของอนาคต แต่ในสหรัฐฯนี่กลับเริ่มมีเสียงต่อต้านการจัดสร้างขึ้นมาหนาหู

 

วันนี้เราจึงมาดูสาเหตุว่าทำไมจึงมีกระแสต่อต้านจากชาวอเมริกันที่น่าจะเป็นต้นทางของเทคโนโลยี

 

ภาพการรวมตัวชุมนุมต่อต้านดาต้าเซ็นเตอร์

 

การชุมนุมประท้วงการจัดสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ในสหรัฐฯ

 

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในรัฐเพนซิลเวเนีย วันที่ 1 ธันวาคม 2025 เมื่อมีชาวบ้านในท้องถิ่นราว 300 คน ออกมารวมตัวประท้วงโครงการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ภายในพื้นที่ แม้พวกเขาจะเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนหลักของรัฐบาลทรัมป์ และเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรครีพับลิกันก็ตาม

 

การจัดสร้างดาต้าเซ็นเตอร์นี้เป็นนโยบายที่ได้รับการผลักดันจากทรัมป์ใน AI Action Plan ของสหรัฐฯ ที่มุ่งพัฒนาและรักษาความเป็นผู้นำโลกด้านเทคโนโลยี AI เพื่อรักษาความมั่นคงการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงของชาติ และอนาคตของประเทศ หนึ่งในนั้นคือการจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานและดาต้าเซ็นเตอร์

 

แน่นอนนี่เป็นนโยบายที่สมเหตุสมผลในการพัฒนาประเทศ แต่เรื่องนี้กลับได้รับเสียงคัดค้านจากคนในท้องถิ่นเป็นวงกว้าง ทั้งกลุ่มเกษตรกร กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ไปจนคนในท้องที่ ไม่เพียงแค่ในเพนซิลเวเนีย แต่ปัญหานี้เกิดขึ้นในออริกอน เท็กซัส และเทนเนสซี ซึ่งนอกจากออริกอนพื้นที่เหล่านี้ล้วนเป็นฐานเสียงของทรัมป์

 

สาเหตุที่พวกเขารู้สึกต่อต้านนโยบายในครั้งนี้เนื่องจากการเข้ามาของดาต้าเซ็นเตอร์จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขาอย่างรุนแรง ขัดแย้งกับความตั้งใจในการรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมในชนบทของพวกเขา บางส่วนจึงอาจเกิดความรู้สึกว่าถูกทรยศจนเกิดกระแสต่อต้านเป็นวงกว้าง

 

ดาต้าเซ็นเตอร์ หัวใจหลักของ AI แต่กำลังได้รับการต่อต้านในสหรัฐฯ

 

ปัญหาที่เกิดจากการมาของดาต้าเซ็นเตอร์

 

แน่นอนความรู้สึกต่อต้านของพวกเขาไม่ได้ไร้เหตุผลแต่อ้างอิงมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในการจัดสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ แรกสุดเริ่มจากการจัดสร้างดาต้าเซ็นเตอร์จะต้องการสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งอาจนำไปสู่การเดินสายไฟผ่านที่ดินของพวกเขาหรือการเวนคืนที่ดินจากภาครัฐ สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกถูกลิดรอนสิทธิอย่างรุนแรง

 

อันดับถัดมาคือ เสียงรบกวน ดาต้าเซ็นเตอร้เป็นสิ่งปลูกสร้างที่สร้างเสียงรบกวนมาก ด้วยการต้องระบายความร้อนมหาศาล ดาต้าเซ็นเตอร์จึงมีการติดตั้งพัดลมระบายความร้อนและเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ ส่งผลให้เกิดเสียงความถี่ต่ำซึ่งรบกวนการใช้ชีวิต เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์ในเวอร์จิเนียสร้างเสียงถึง 90 เดซิเบล เป็นอันตรายต่อการได้ยินในระยะยาว

 

สืบเนื่องจากการต้องระบายความร้อนตลอดเวลาจึงมีการใช้ทรัพยากรน้ำมหาศาล ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่อาจต้องใช้น้ำ 3 – 5 ล้านแกลลอน/วัน เทียบเท่ากับเมืองขนาดกลางที่มีประชากรหลักหมื่นคน ซึ่งในบางรัฐที่มีแผนจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ประสบปัญหาภัยแล้งเป็นประจำ นั่นอาจนำไปสู่ปัญหาการแย่งชิงและขาดแคลนน้ำของชุมชน

 

อีกหนึ่งปัญหาที่ร้ายแรงไม่แพ้กันคือ พลังงาน ในการประมวลผล AI ของดาต้าเซ็นเตอร์และหล่อเย็นต้องอาศัยกระแสไฟฟ้ามหาศาล สิ่งนี้เป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้แรงดันไฟฟ้าจากโครงสร้างพื้นฐานไม่เพียงพอ จนอาจเกิดปัญหาขาดแคลนพลังงานที่จะทำให้ไฟตกและไฟดับบ่อยขึ้น

 

อีกทั้งเมื่ออุปสงค์มากขึ้นย่อมส่งผลถึงค่าบริการน้ำและไฟฟ้าของชุมชน ยิ่งซ้ำเติมปัญหาค่าครองชีพในหลายรัฐที่หนักอยู่แล้วให้ทวีความรุนแรง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดการต่อต้านในสหรัฐฯ

 

โอกาสของดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย

 

ไทยเองก็เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนา AI และโครงการจัดสร้างดาต้าเซ็นเตอร์เช่นกัน เห็นได้จากบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งที่เริ่มประกาศโครงการ แสดงความสนใจในการขยับขยายและลงทุนในประเทศ ด้วยการมีปัจจัยเอื้ออำนวยในการจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ในหลายด้าน

 

แรกสุดคือ ความเป็นกลางทางภูมิรัฐศาสตร์ ไทยเปิดรับเทคโนโลยีทั้งจากจีนและสหรัฐฯ มีโครงการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากทั้งสองชาติ เนื่องจากเราไม่ได้แสดงท่าทีขัดแย้งกับชาติมหาอำนาจโดยตรง อีกทั้งภูมิศาสตร์ที่เชื่อมต่อกับหลายประเทศ จึงเหมาะเป็นศูนย์กลางการประมวลผลในภูมิภาคอาเซียนได้ง่าย

 

อันดับถัดมาคือ น้ำ เมื่อเทียบกับหลายประเทศที่มีปัญหาขาดแคลนน้ำ ไทยเราประสบปัญหาดังกล่าวน้อยกว่ามาก ปริมาณน้ำมากเพียงพอสำหรับอุปโภคบริโภคและภาคการเกษตรอย่างราบรื่น จึงสามารถนำน้ำมาใช้ในการหล่อเย็นได้โดยไม่รบกวนวิถีชีวิตดั้งเดิมมากนัก

 

อีกส่วนที่เรามีมากเพียงพอคือ พลังงาน จากข้อมูลสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานพบว่า ไทยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองสูงถึง 30 – 35% ซึ่งตามหลักการมีกำลังการผลิตสำรอง 15% ก็เพียงพอ นั่นทำให้ไทยมีความมั่นคงทางพลังงานสูงมากจึงก่อให้เกิดผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานต่ำ

 

ในส่วนผลกระทบต่อชุมชนก็คาดว่าจะมีผลกระทบไม่มาก เนื่องจากไทยมีการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมทั้งในพื้นที่ EEC เป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษดิจิทัลอยู่ก่อน ทำให้มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับภาคอุตสาหกรรมโดยไม่ต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม จึงสามารถจัดสร้างให้สามารถพร้อมดำเนินการจริงได้รวดเร็วกว่าพื้นที่อื่น

 

 

 

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ไทยได้รับการจับตาในการจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ จากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายแห่ง ทั้งจากฝั่งสหรัฐฯอย่าง Microsoft, Google หรือ AWS และบริษัทจากจีนอย่าง Alibaba และ Huawei ที่ต่างให้ความสนใจและประกาศแผนลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

 

ที่เหลือคงต้องรอดูกันต่อไปว่า ความก้าวหน้าด้าน AI จะผลักดันไทยไปอยู่ในจุดไหน

 

 

ที่มา

 

https://www.reuters.com/business/retail-consumer/trumps-push-more-ai-data-centers-faces-backlash-his-own-voters-2025-12-01/

 

https://www.smithsonianmag.com/science-nature/with-ai-on-the-rise-what-will-be-the-environmental-impacts-of-data-centers-180987379/

 

https://www.theguardian.com/environment/2025/apr/09/big-tech-datacentres-water

 

https://www.bangkokpost.com/business/general/2954605/gartner-thai-it-spending-gain-expected-to-lag-global-rate

 

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"