Weather Lab โมเดล AI ที่วิเคราะห์เส้นทางพายุล่วงหน้า 15 วัน
Google DeepMind เปิดตัว Weather Lab โมเดล AI คาดการณ์พายุล่วงหน้า 15 วัน ประมวลผลเพียง 1 นาที คาดการณ์ตำแหน่งได้แม่นยำกว่าระบบเดิมถึง 140 กิโลเมตร
ภาวะโลกร้อน ก่อให้เกิดสภาพอากาศสุดขั้วที่ส่งผลให้ภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดทั้งจากภัยแล้ง คลื่นความร้อน ไปจนน้ำท่วม ส่งผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง แม้จะมีความพยายามแจ้งเตือนเพื่อบรรเทาความเสียหาย แต่ก็ไม่ได้แม่นยำเสมอไปจนส่งผลให้ยังมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
นี่เป็นเหตุผลในการคิดค้นพัฒนา AI พยากรณ์อากาศและคาดการณ์การเคลื่อนไหวพายุ
AI พยากรณ์ทิศทางพายุจาก Google
Google Deepmind ประกาศเปิดตัวโมเดล AI ตัวใหม่ในชื่อ Weather Lab ที่สามารถคาดการณ์ทั้งการก่อตัว เส้นทาง และ ความรุนแรง ของพายุได้อย่างแม่นยำ เพื่อเข้ามาแก้ปัญหาการคลาดเคลื่อนจากการพยากรณ์อากาศดั้งเดิม โดยสามารถคาดการณ์ทิศทางเคลื่อนไหวและความรุนแรงของพายุล่วงหน้าได้สูงสุดถึง 15 วัน
ตัวโมเดลได้รับการฝึกอบรมมาจากชุดข้อมูลขนาดใหญ่ โดยอาศัยชุดข้อมูลของพายุกว่า 5,000 ลูก ที่เกิดขึ้นตลอดในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา ร่วมกับชุดข้อมูลสภาพอากาศจากทั่วโลกที่เกิดปรากฏการณ์ต่างๆ นับล้านครั้ง กลายเป็นฐานข้อมูลที่มีคุณสมบัติในการสร้างแบบจำลองผ่าน Functional Generative Networks (FGN)
ด้วยกลไกนี้โมเดลจะสามารถทำนายและคาดการณ์ความน่าจะเป็นทิศทางเคลื่อนไหวของพายุ โดยประเมินความเสี่ยงและความเป็นไปได้ให้หลากหลาย จนสามารถสร้างรูปแบบการเคลื่อนไหวได้สูงสุดถึง 50 รูปแบบ เป็นระยะเวลาล่วงหน้า 15 วัน โดยอาศัยระยะเวลาการประมวลผลเพียง 1 นาที
จากข้อมูลทั้งหมดทำให้โมเดลล่าสุดของ Deepmind มีคุณสมบัติทำนายพายุสูงสุด โดยเฉพาะในด้านเส้นทางและความรุนแรง นำไปสู่ความร่วมมือกับ National Hurricane Center(NHC) ของสหรัฐฯ เพื่อนำโมเดล AI เข้ามามีส่วนร่วมในการพยากรณ์ทิศทางและความรุนแรงของพายุ เพื่อนำมาทดสอบใช้งานในการพยากรณ์ฤดูเฮอริเคนปี 2025
ด้วยการนำโมเดลนี้มาปรับใช้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแจ้งเตือนได้ครอบคลุมและทันท่วงทียิ่งขึ้น
ความก้าวหน้าที่ได้รับการพัฒนาจากพยากรณ์แบบดั้งเดิม
เดิมทีการพยากรณ์อากาศจะอาศัย การพยากรณ์เชิงตัวเลข เริ่มจากการสร้างแบบจำลองขึ้นมาบนคอมพิวเตอร์ แก้สมการทางคณิตศาสตร์เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ทางสภาพอากาศ จากนั้นนำข้อมูลที่ได้จากการคำนวณและสังเกตการณ์ปริมาณมหาศาลมาประมวลผลในซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ เพื่อคาดการณ์ความเป็นไปได้ในอนาคต เป็นที่มาของพยากรณ์อากาศ
วิธีการนี้อาศัยการแก้สมการทางคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ที่มีความสลับซับซ้อน เป็นมาตรฐานการพยากรณ์อากาศชั้นนำที่ใช้งานกันอย่างกว้างขวางทั่วโลก แม้จะเป็นแหล่งข้อมูลหลักที่ใช้ในการประเมินและประกาศเตือนประชาชน แต่ก็มีข้อจำกัดด้านปริมาณข้อมูลที่ใช้งาน ระยะเวลาประมวลผลที่ยาวนานไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง และทำนายล่วงหน้าได้ราว 6 – 10 วัน
ด้วยเหตุนี้โมเดล Weather Lab จึงมีโดดเด่นกว่าในหลายด้าน ทั้งระยะเวลาคาดการณ์ที่ยาวนานสูงสุด 15 วัน ความแม่นยำในการคาดการณ์ตำแหน่งมากกว่าระบบเดิมถึง 140 กิโลเมตร ระยะเวลาประมวลผลที่สั้นเหลือเพียง 1 นาที/ครั้ง จึงสามารถตรวจสอบได้รวดเร็ว กว้างขวาง และครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามทาง Google deepmind ยืนยันว่า Weather Lab ไม่ได้ถูกนำมาใช้งานทดแทนการพยากรณ์ดั้งเดิมเสียทีเดียว เนื่องจากโมเดลเพิ่งได้รับการพัฒนามาไม่นาน ยังเป็นโมเดลที่อยู่ในระหว่างศึกษาวิจัย ซึ่งยังจำเป็นต้องได้รับการทดสอบและเก็บข้อมูลจากการใช้งานจริงเพิ่มเติม
ตัวโมเดลได้รับการอบรมพัฒนามาจากข้อมูลพายุในทวีปอเมริกาเป็นหลัก ทำให้การคำนวณหรือพยากรณ์พายุนอกพื้นที่ทำได้ไม่ดีนัก เมื่อต้องนำไปใช้ในการพยากรณ์พายุนอกพื้นที่ อาจเกิดการสับสนหรือคลาดเคลื่อนของตัวเลขจนนำไปสู่อาการหลอน ซึ่งจะส่งผลให้ข้อมูลที่ได้คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง
Weather Lab จึงไม่ใช่โมเดล AI ที่เข้ามาทดแทนการพยากรณ์อากาศดั้งเดิม แต่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนให้คาดการณ์ทิศทางและความรุนแรงพายุได้แม่นยำต่อไป
นั่นทำให้การนำ Weather Lab ไปใช้ในการพยากรณ์พายุของ NHC จะเป็นไปในทิศทางตรวจสอบกาก่อตัวของพายุ คาดการณ์ฉากทัศน์ ขนาด และความรุนแรงของพายุเป็นหลัก แล้วจึงให้นักพยากรณ์ที่เป็นมนุษย์นำข้อมูลที่ได้มาประเมินและตัดสินใจซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้ได้ความรวดเร็วและน่าเชื่อถือสูงสุด
สำหรับท่านที่สนใจสามารถเข้าไปทดลองใช้งาน Weather Lab ได้แล้วผ่านช่องทาง https://deepmind.google.com/science/weatherlab
ที่มา
https://deepmind.google.com/science/weatherlab
https://blog.google/technology/google-deepmind/weather-lab-ai-cyclone-prediction-tracking/


