posttoday

งานสร้างภาพยนตร์ในเมียนมา

30 พฤศจิกายน 2562

โดย กริช อึ๊งวิฑูรสถิตย์

หลายวันก่อนได้รับไลน์จากน้องอาจารย์เปิ้ล ว่ากำลังได้เตรียมทีมที่จะจัดทำภาพยนตร์รักระหว่างสาวไทยกับหนุ่มพม่าอยู่ และคิดจะทำเป็นแนว comedy culture shock ซึ่งผมเองไม่มีความรู้ด้านนิเทศศาสตร์เลย อีกทั้งไม่ได้อยู่ในสายบรรเทิงเลย ไม่รู้จะออกความเห็นอย่างไร ก็ได้แต่บอกว่าน่าสนใจ

เพราะเป็นการเชื่อมความเข้าใจอันดีงามระหว่างสองชาติก็ทำไปเถอะ แต่อย่าไปสร้างภาพยนตร์ที่สร้างความแตกแยกระหว่างชาติก็พอ

และพอจะเล่าเรื่องภาพยนตร์พม่าที่ผมเคยไปนั่งชมมาตั้งแต่เด็กที่อยู่ชายแดน จนกระทั่งอายุสี่สิบกว่าก็เลิกเข้าไปชมแล้ว หลังจากครั้งสุดท้ายไปชมที่โรงภาพยนตร์ในนครย่างกุ้งมาเล่าสู่กันฟังนะครับ ในช่วงเด็กๆที่ผมอยู่ที่แม่สะลอง

เคยเล่าไปแล้วว่าทุกครั้งที่จะขึ้นดอยเรียนหนังสือ จะต้องไปก่อนสี่ห้าวัน และไปออกันที่แม่สาย พวกเราเด็กๆก็จะข้ามไปท่าขี้เหล็ก หนึ่งในกิจกรรมที่ทำกันก็ไปดูหนังที่โรงหนังท่าขี้เหล็กนั่นแหละครับ ที่ท่าขี้เหล็กภาพยนตร์ที่นำมาฉาย นอกจากภาพยนตร์พม่า อินเดีย จีน และหนังฝรั่ง ซึ่งหนังจีน หนังฝรั่งจะเป็นหนังใหม่กว่าที่ประเทศไทยเรามาก

เพราะยอมรับว่าที่พม่ายุคนั้นเจริญกว่าไทย ค่าเงินก็แข็งกว่าไทย ตึกรามบ้านช่องก็เจริญกว่าไทย ดังนั้นการได้ไปชมภาพยนตร์ที่นั่นจะนำหน้ากว่าไทยเราไปก่อนหนึ่งก้าว ภาพยนตร์จีนบางเรื่องที่มีผู้แสดงนำอย่าง เติ้น กวง หยง หมี่เซี๊ยะ ผมเคยดูแล้ว

พอกลับบ้านจะต้องมาพักที่กรุงเทพฯก่อน หลานชายจากเชียงของ ที่มาเรียนหนังสือกรุงเทพฯจะชวนไปชมภาพยนตร์ ผมกลับเคยดูที่ท่าขี้เหล็กมาแล้ว มักจะเก็บเงียบใว้ไม่ได้บอกเขา เพราะเกรงว่าจะเสียน้ำใจเสมอ

ส่วนภาพยนตร์ฝรั่งอย่างเจมส์บอนด์ 007 ก็ดูมาก่อนแล้วเสมอ โรงภาพยนต์ในบ้านเรามักจะช้ากว่าที่นั่นสองสามเดือนทีเดียว ภาพยนตร์พม่าไม่ได้มาฉายในประเทศไทยหรอกครับ เพราะไม่เป็นที่นิยมในไทย จำได้ว่าส่วนมากมักจะเป็นหนังประเภท comedy รักๆใคร่ๆ พอฉากรักก็จะมีวิวตามภูเขา มีเพลงประกอบ เรายังเด็กก็จะฟินๆมากครับ

ถ้าหนังบู้ก็จะมียิงกัน กลิ้งไปกลิ้งมา ก็สนุกสนานตามประสาเด็กๆนั่นแหละครับ สาระมักจะไม่ค่อยมีเท่าไหร่ครับ พอประเทศเพม่า (ชื่อยุคนั้น)โดนปิดประเทศ วงการภาพยนตร์ก็เริ่มถดถอยลงไป ไม่ค่อยจะมีภาพยนตร์ดีๆออกมาให้ชมกัน ส่วนมากมักจะเป็นแนวเดิมๆ และเราก็อายุมากแล้ว เริ่มจะไม่เข้าโรงภาพยนตร์แล้ว เลยไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่

อย่างไรก็ตาม เวลาขับรถผ่านหน้าโรงภาพยนตร์ที่ย่างกุ้ง (ซึ่งโทรมมากๆ) แถวถนนสุเรย์และถนนโบโช๊ะอ่อง ซาน ก็อดชำเลืองดูโพสเตอร์ที่เป็นภาพวาดหน้าโรงภาพยนตร์ไม่ได้ จะเห็นรูปภาพดารานำแสดงชายและหญิงหน้าเดิมๆ คนเดิมๆเสมอครับ อายุอานามของดาราที่ว่านั้นก็น่าจะมากพอควร เพราะเห็นหน้าเขาจนจำได้

อีกอย่างโฆษณาสินค้าเกือบทุกชนิดสินค้า ก็จะมีแต่ดาราสองคนนี้แหละที่ถือสินค้าทีโฆษณาแล้วก็เต้นไปร้องเพลงไปทุกครั้ง เลยจำเขาได้ครับ พอย่างเข้าสู่โหมดของการเปลี่ยนแปลง แน่นอนว่าวิถีของภาพยนคร์ก็เริ่มเปลี่ยนไป อีกทั้งแม้ที่ต่างประเทศภาพยนตร์จะถูกกระแสการเปลี่ยนแปลงจาก IT Disruption ไปเรียบร้อย

แต่ที่เมียนมาภาพยนตร์ผมก็เห็นวัยรุ่นยังเข้าแถวรอชมกันอยู่ แสดงว่าความนิยมยังพอได้นะครับ ดังนั้นพอจะอนุมาณได้ว่าตลาดของภาพยนต์ในเมียนมายังไม่ถูก Disrupt ไปเสียทั้งหมด

และคนไทยเราเองก็จะมีผู้กำกับรุ่นใหม่เข้าไปสร้างหนังดีๆออกสู่ตลาดหลายท่าน ยกตัวอย่างเช่น คุณนนทวัฒน์ นำเบญจพล ที่สร้างภาพยนต์เรื่องดินไร้แดน (Soil without Land) ,Manta Ray , Michael’s , เป็นต้น ซึ่งผมเองก็ได้รับการแนะนำจากอาจารย์ ดร.ลลิตา หาญวงษ์ ซึ่งท่านเป็นกูรูเรื่องเมียนมาท่านหนึ่ง ให้เข้าไปชมใน YouTube

ผมยอมรับเลยว่าผู้กำกับหนุ่มไฟแรงท่านนี้ได้สร้างภาพยนต์ได้น่าสนใจมากๆ ท่านไม่จำเป็นที่จะใช้ดาราแสดงนำที่สวย หล่อ มีชื่อเสียงเลย หน้าตาธรรมดาๆมากๆ แต่ก็สามารถสร้างแรงดึงดูดให้ชมจนอินไปด้วยกับเนื้อหาจริงๆ

ต้องขอปรบมือให้เลยครับ (ต้องเรียกค่าโฆษณากับคุณนนทวัฒน์แล้วละ...) เพื่อนๆท่านใดมีเวลาว่างหรือชอบชมภาพยนต์ก็ลองเข้าไปชมทางช่องทาง YouTube ก็ได้นะครับ

ผมรับรองว่าไม่ผิดหวัง คนทำดีต้องช่วยกันสนับสนุนครับ