ตุรเคียยอมถอย ไม่ขวางสวีเดน-ฟินแลนด์เข้าร่วมนาโตแล้ว
ตุรกีตกลงสนับสนุนสวีเดนและฟินแลนด์เข้าเป็นสมาชิกนาโต
สำนักข่าว Kyodo รายงานว่า เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโตเผยว่า เส้นทางการเข้าเป็นสมาชิกนาโตของสวีเดนและฟินแลนด์ชัดเจนแล้ว หลังจากตุรเคียถอนสิทธิ์วีโตคำขอเข้าร่วมของทั้งสองประเทศ โดยทั้งสามประเทศตกลงปกป้องความมั่นคงของกันและกัน
สโตลเทนเบิร์กเผยหลังการหารือสามฝ่ายระหว่างผู้นำสวีเดน ฟินแลนด์ และตุรกีว่า “ผมยินดีที่จะประกาศว่าขณะนี้เรามีข้อตกลงที่ปูทางให้ฟินแลนด์และสวีเดนเข้าร่วมนาโตแล้ว”
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น 1 วันก่อนที่การประชุมประเทศสมาชิกนาโต 30 ประเทศจะเริ่มขึ้นในกรุงมาดริดของสเปน
เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ฟินแลนด์และสวีเดนยื่นคำขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศนอร์ดิกที่ยึดหลักไม่ฝักใฝ่ทางการทหารมานานนับร้อยปี อันเนื่องมาจากจากรัสเซียเริ่มเปิดฉากรุกรานยูเครน
เดิมทีคาดว่ากระบวนการเข้าร่วมของสวีเดนและฟินแลนด์จะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ทว่าต้องสะดุดหลังจากตุรเคียคัดค้าน โดยกล่าวหาว่าทั้งสวีเดนและฟินแลนด์สนับสนุนพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน (PKK) ซึ่งตุรเคียมองว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย
สโตลเทนเบิร์กเผยว่า สวีเดนและฟินแลนด์ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนตุรเคียจากภัยคุกคามความมั่นคงของตุรเคีย อาทิ การปราบปรามการทำกิจกรรมของกลุ่ม PKK และดำเนินการตามคำขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนของตุรเคีย รวมทั้งยกเลิกมาตรการจำกัดการขายอาวุธให้ตุรเคีย ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ทำให้ตุรเคียยอมถอนสิทธิ์วีโต
สโตเทนเบิร์กเผยอีกว่า การเข้าร่วมกลุ่มของสวีเดนและฟินแลนด์ไม่เพียงแต่จะเป็นการยกระดับความมั่นคงของตัวเองเท่านั้น แต่ยังทำให้นาโตแข็งแกร่งขึ้น และทำให้พื้นที่แถบยูโร-แอตแลนติกมั่นคงมากขึ้น เนื่องจากทั้งสวีเดนและฟินแลนด์มีระบบอาวุธที่ทันสมัย รวมทั้งสถาบันการเมืองที่แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ
อย่างไรก็ดี สโตลเทนเบิร์กไม่ได้ระบุว่าทั้งสองประเทศจะได้เป็นสมาชิกเมื่อใด เนื่องจากประเทศสมาชิกนาโตทั้ง 30 ประเทศจะต้องให้สัตยาบันในคำขอเพื่ออนุมัติสมาชิกใหม่
หากทั้งสองประเทศได้เข้าร่วมจะทำให้พรมแดนของนาโตกับรัสเซียยาวขึ้นประมาณ 2 เท่า ซึ่งแทบจะเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรปได้เกือบทั้งหมด
เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของสหรัฐรายหนึ่งเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “ไม่มีการร้องขอจากตุรเคียให้สหรัฐให้สิทธิพิเศษโดยเฉพาะ”
Photo by Murat CETIN MUHURDAR / TURKISH PRESIDENTIAL PRESS SERVICE / AFP