posttoday

สังหารหมู่ไม่จบสิ้น ทำไมสหรัฐปล่อยให้เด็กใช้ปืนได้

25 พฤษภาคม 2565

การกราดยิงโรงเรียนประถมในรัฐเทกซัสครั้งล่าสุดจุดกระแสเรียกร้องให้ออกกฎหมายควบคุมอาวุธปืนขึ้นมาอีกครั้งในสหรัฐ

เหตุการณ์วัยรุ่นชายวัย 18 ปีก่อเหตุกราดยิงที่โรงเรียนประถมร็อบบ์ในเมืองอูวัลเด รัฐเทกซัสของสหรัฐเมื่อช่วงเที่ยงของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้เด็กนักเรียน 19 คน และผู้ใหญ่อีก 2 คนซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นครูเสียชีวิต นับเป็นเหตุกราดยิงในโรงเรียนที่ร้ายแรงที่สุดของสหรัฐนับตั้งแต่เหตุกราดยิงที่โรงเรียนประถมแซนดีฮุกในรัฐคอนเนตทิคัตเมื่อปี 2012 ที่มีผู้เสียชีวิต 26 คน

และจากข้อมูลของกลุ่มควบคุมอาวุธปืน Everytown พบว่า นี่เป็นเหตุกราดยิงครั้งที่ 8 ของปีนี้ ทั้งยังเกิดขึ้นเพียง 10 วันหลังจากหนุ่มวัย 18 ก่อกราดยิงกลางซูเปอร์มาร์เก็ตในย่านบัฟฟาโลซึ่งเป็นถิ่นของคนผิวดำของนิวยอร์ก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย

ทั้งสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไล่เลี่ยกันนี้ผู้ลงมือยังเป็นวัยรุ่นและอาวุธที่ใช้คือปืนไรเฟิลเหมือนกัน โดยกรณีเทกซัสผู้ก่อเหตุมาพร้อมปืนไรเฟิล 2 กระบอกที่เจ้าตัวเพิ่งซื้อในวันเกิดอายุครบ 18 ปี ส่วนกรณีนิวยอร์ก เจ้าของร้านขายอาวุธปืนในนิวยอร์กบอกกับสำนักข่าว The New York Times ว่าวัยรุ่นที่ก่อเหตุเพิ่งซื้อปืนไรเฟิลไปจากร้านเมื่อเร็วๆ นี้เอง

เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องปลุกกระแสการถกเถียงเรื่องการควบคุมอาวุธปืนขึ้นมาอีกครั้งในสหรัฐ ส่วนในบ้านเราคงเกิดคำถามขึ้นในใจหลายคนว่า ทำไมสหรัฐถึงปล่อยให้เด็กใช้ปืนจนนำมาก่อเหตุได้อย่างนี้

เรื่องนี้คงต้องย้อนไปถึงรัฐธรรมนูญมาตรา 2 ฉบับแก้ไขที่ระบุว่า ชาวอเมริกันมีสิทธิ์อันชอบธรรมในการครอบครองอาวุธปืนเพื่อใช้ในการปกป้องคุ้มครองตนเอง

ด้วยเหตุนี้ในหลายๆ รัฐเด็กวัยรุ่นอเมริกันจึงสามารถซื้อปืนไรเฟิลได้ก่อนที่กฎหมายจะอนุญาตให้ดื่มเบียร์ได้เสียอีก

กฎหมายของรัฐบาลกลางกำหนดไว้ว่า ร้านขายอาวุธปืนและดีลเลอร์ที่มีใบอนุญาตห้ามขายปืนพกให้บุคคลที่อายุต่ำกว่า 21 ปี แต่สามารถขายปืนยาว (ไรเฟิล ลูกซอง) ให้บุคคลที่อายุอย่างน้อย 18 ปีได้ แต่บุคคลที่ไม่มีใบอนุญาตสามารถขาย ส่งมอบ หรือโอนปืนยาวให้ใครก็ได้โดยไม่จำกัดอายุ

การครอบครองปืนของวัยรุ่นในสหรัฐยิ่งง่ายดายเข้าไปอีก เพราะไม่มีกฎหมายรัฐบาลกลางจำกัดอายุ โดย The Washington Post ชี้ว่า หากพ่อต้องการจะซื้อปืนไรเฟิลให้ลูกชายเป็นของขวัญวันเกิดก็ถือเป็นเรื่องถูกกฎหมายในหลายรัฐ

นั่นเพราะมี 23 รัฐที่กำหนดอายุขั้นต่ำในการครอบครองปืนยาวเอาไว้ตั้งแต่ 14 ปีในรัฐมินนิโซตา ไปจนถึง 21 ปีในอิลลินอยส์และฮาวาย

นอกจากนี้ ในช่วงหลังๆ อาวุธปืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งปืนไรเฟิลพลังสูงและปืนพกกึ่งอัตโนมัติยังราคาถูกและหาซื้อได้ง่ายกว่าที่เคยในสหรัฐ ข้อมูลของ Everytown ระบุว่า ปืนไรเฟิลสนนราคา 500 เหรียญสหรัฐ หรือราว 17,115 บาท ส่วนปืนพก 9 มม. กึ่งอัตโนมัติราคาเพียง 200 เหรียญสหรัฐ หรือราว 6,844 บาทเท่านั้น ทำให้วัยรุ่นเข้าถึงได้ง่าย

และสำหรับรัฐเทกซัสซึ่งเป็นรัฐที่หนุนการครอบครองอาวุธปืนแบบสุดลิ่มทิ่มประตูและเป็นสถานที่เกิดเหตุกราดยิงครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐนับตั้งแต่ปี 1991 ถึง 4 จาก 12 ครั้ง เมื่อปีที่แล้วเพิ่งจะมีการผ่อนคลายกฎหมายเกี่ยวกับปืน โดยอนุญาตให้บุคคลในรัฐที่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปสามารถพกปืนพกได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตหรือผ่านการอบรม

สังหารหมู่ไม่จบสิ้น ทำไมสหรัฐปล่อยให้เด็กใช้ปืนได้

อันที่จริงปัญหาเรื่องการครอบครองปืนอย่างเสรีของชาวอเมริกันถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงหลายครั้งโดยเฉพาะช่วงหลังเกิดเหตุกราดยิงสดๆ ร้อนๆ และครั้งล่าสุดนี้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ถึงกับเอ่ยปากว่า “ทำไม? ทำไมเราถึงเต็มใจที่จะอยู่กับการสังหารนี้? ทำไมเราปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้น”

ทว่าที่ผ่านมาการจำกัดการซื้อและครอบครองปืนก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากมายจนเกิดเหตุสลดซ้ำแล้วซ้ำอีก สาเหตุเป็นเพราะการเมืองกับเรื่องปืนคือเรื่องเดียวกันในสหรัฐ

ด้วยความที่ชาวอเมริกันจำนวนมากมองว่า การครอบครองปืนคือสิทธิเสรีภาพที่พวกเขามีตามกฎหมาย บรรดานักการเมืองจึงเลี่ยงที่จะเข้าไปแตะประเด็นการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับปืน เพราะกลัวจะสร้างความไม่พอใจให้ชาวอเมริกันจนเสียคะแนนเสียง

หลังจากเหตุกราดยิงโรงเรียนประถมในเมืองแซนดีฮุกประธานาธิบดี บารัก โอบามา และวุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครตพยายามผลักดันกฎหมายควบคุมอาวุธปืน แต่กลับถูกพรรครีพับลิกันขัดขวางจนตกไป

และก่อนหน้านี้ไบเดนยังเรียกร้องให้สภาคองเกรสออกมาขยับเขยื้อนเกี่ยวกับกฎหมายควบคุมอาวุธปืน ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบประวัติผู้ซื้ออย่างละเอียดและแบนอาวุธจู่โจม แต่ก็ไม่ได้รับเสียงสนุบสนุนมากพอที่จะผ่านสภาเป็นกฎหมาย

การเสนอปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนใดๆ ต่อสภาคองเกรสเป็นเรื่องยากที่จะสำเร็จ เพราะร่างกฎหมายส่วนใหญ่ต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก 60 เสียง แต่พรรคเดโมแครตของไบเดนคุมที่นั่งในวุฒิสภาแค่ 50 เก้าอี้เท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขกฎหมาย ทำให้ออกกฎหมายควบคุมอาวุธปืนไม่สำเร็จนั่นคือ สมาคมไรเฟิลแห่งชาติสหรัฐ หรือ NRA ที่เป็นองค์กรที่มีอิทธิพลต่อการเมืองสหรัฐมากที่สุดองค์กรหนึ่ง ที่ไม่เพียงแต่จะมีเงินมหาศาลในการล็อบบี้นักการเมืองเท่านั้น แต่ยังมีสมาชิกกว่า 5 ล้านคนทั่วสหรัฐแทรกซึมอยู่ในแทบจะทุกองค์กรที่มีบทบาทในการตัดสินใจและดำเนินนโยบายหรือมาตรการต่างๆ ของประเทศ

ที่ผ่านมา NRA คัดค้านข้อเสนอต่างๆ ที่ให้ควบคุมอาวุธปืนเข้มงวดขึ้น และอยู่เบื้องหลังความพยายามทั้งในระดับรัฐบาลกลางและระดับรัฐในการลดข้อจำกัดมากมายที่มีอยู่ในการเป็นเจ้าของปืนผ่านการล็อบบี้นักการเมือง

ปี 2016 NRA ทุ่มเงินราว 4 ล้านเหรียญสหรัฐในการล็อบบี้และการช่วยเหลือนักการเมืองโดยตรง ทั้งยังจ่ายไปกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐในการสนับสนุนทางการเมือง ซึ่งรวมถึงเงินประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยให้ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี

งบประมาณแต่ละปีของ NRA สำหรับโครงการให้ความรู้ การจัดสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับปืน งานกิจกรรมสำหรับสมาชิก การเป็นสปอนเซอร์ และการช่วยเหลือทางกฎหมายสูงถึง 250 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ NRA ยังใช้กลยุทธ์กดดันนักการเมืองด้วยการจัดลำดับนักการเมืองจากคะแนนโหวตเพื่อพิจารณาสนับสนุนแต่ละราย และจะเลือกสนับสนุนนักการเมืองที่อยู่ข้างสมาคมมากที่สุดและทำให้ฝ่ายตรงข้ามพ่ายแพ้

อดีตสมาชิกรัฐสภาสรายหนึ่ง เคยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The New York Times เมื่อปี 2013 ว่า "นั่นเป็นกลุ่มหนึ่งที่ผมบอกว่า ‘ตราบใดที่ยังอยู่ในตำแหน่ง ผมจะไม่ต่อต้าน NRA’"

เมื่อเป็นเช่นนี้ การเรียกร้องกฎหมายควบคุมอาวุธปืนครั้งนี้คงมีจุดจบไม่ต่างจากครั้งก่อนๆ

หมายเหตุ ภาพปกเป็นเหตุการณ์ที่ผู้ประท้วงกลุ่ม Black Lies Matter ออกมาประท้วงในเมืองแวนคูเวอร์ รัฐวอชิงตัน เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2020 ดวลกับกลุ่ม Black Lives Matter ที่สนับสนุนสิทธิของคนผิวสีที่รวมตัวประท้วงหลังเจ้าหน้าที่ยิง เควิน อี. ปีเตอร์สัน จูเนียร์ คนผิวสีเสียชีวิต Nathan Howard/Getty Images/AFP / Getty Images via AFP / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Nathan Howard