posttoday

แม้ยังไม่มีโควิด "สายพันธุ์เวียดนาม" แต่เวียดนามกำลังเจอศึกหนัก

07 มิถุนายน 2564

แม้จะไม่ใช่โควิดลูกผสมแต่เวียดนามกำลังต่อสู้กับการแพร่ระบาดอย่างหนัก

หลังจากที่รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเวียดนามเผยว่าเวียดนามพบเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่างสายพันธุ์กลายพันธุ์ B.1.617.2 ที่พบครั้งแรกในอินเดีย (เดลตา) และสายพันธุ์กลายพันธุ์ B.1.1.7 ที่พบครั้งแรกในอังกฤษ (อัลฟา) ซึ่งอันตรายมากเนื่องจากสามารถติดต่อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ก่อนๆ ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

โดยผู้เชี่ยวชาญเผยว่าสายพันธุ์ใหม่ที่พบในเวียดนามนี้มีลักษณะของทั้งสายพันธุ์เดลตาและอัลฟา กล่าวคือเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่มีการกลายพันธุ์ในส่วนที่เป็นของสายพันธุ์อัลฟา

แต่เมื่อสัปดาห์ก่อนตัวแทนขององค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำประเทศเวียดนามยืนยันว่าไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวนั้นไม่ใช่สายพันธุ์ลูกผสมใหม่แต่ยังคงเป็นสายพันธุ์เดลตาที่พบครั้งแรกในประเทศอินเดีย

อย่างไรก็ตามไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวสามารถแพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็ว และอาจทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงโดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ร่างกายไม่แข็งแรง จึงได้มีการจับตาการแพร่ระบาดของไวรัสในเวียดนามอย่างใกล้ชิดหากมีการกลายพันธุ์ของไวรัสเกิดขึ้น

ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ไวรัสจะมีการเปลี่ยนแปลงมากพอที่จะได้รับการพิจารณาว่าเป็นไวรัสกลายพันธุ์ใหม่ตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลกเนื่องจากเป็นปกติของไวรัสที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา

ความรุนแรงของไวรัส

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตานั้นสามารถแพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็วกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า และอาจทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงโดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ร่างกายไม่แข็งแรง

ยิ่งไปกว่านั้นแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษเผยว่าตนได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลระบุว่าโควิดสายพันธุ์เดลตาติดต่อง่ายขึ้นราว 40%

โดยเวียดนามมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ที่ผ่านมา โดยในวันที่ 25 และ 29 พ.ค. มีผู้ติดเชื้้อรายใหม่ยืนยันกว่า 500 คนขณะที่ในรอบเดือนนี้ผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ที่ 200 ถึง 300 คน ซึ่งก่อนหน้านี้โดยปกติแล้วเวียดนามพบผู้ติดเชื้อรายวันไม่ถึง 10 คนเท่านั้น

ส่งผลให้เวียดนามต้องขยายมาตรการล็อกดาวน์และประกาศมาตรการเคอร์ฟิวในบางพื้นที่เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ตลอดจนปูพรมตรวจเชิงรุกและบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มงวดนับตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.

ขณะเดียวกันก็ได้ส่งคำขอช่วยเหลือในด้านวัคซีนจากต่างประเทศรวมถึงญี่ปุ่นซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดส่งวัคซีนให้แก่เวียดนามได้ภายในเดือนนี้

ขณะที่ซัพพลายเออร์จากต่างประเทศยังไม่ยืนยันปริมาณวัคซีนที่จะให้สำหรับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่พวกเขาสัญญาว่าจะจัดหาวัคซีนปริมาณมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคาดว่าเวียดนามจะมีวัคซีนต้านโควิด-19 ประมาณ 150 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ข้อมูลจาก Our World in Data (อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.) ระบุว่ามีชาวเวียดนามที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว 33,632 คน ขณะที่ผู้ที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มอยู่ที่ 1,209,672 คนหรือคิดเป็น 1.3% ของประชากรทั้งหมด

Photo by Nhac NGUYEN / AFP