จับตาญี่ปุ่น-เวียดนามผุดพันธมิตรความมั่นคงยันจีน
แนวโน้มความมั่นคงในเอเชียจะเปลี่ยนไปหรือไม่เมื่อญี่ปุ่น-เวียดนามกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงหลังจีนคุกคามทะเลจีนใต้
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม มีความเคลื่อนไหวที่เอเชียละชาวโลกจะต้องจับตาให้ดี เมื่อโยชิฮิเดะ ซุงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเข้าพบหารือกับเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนามซึ่งเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่ซุงะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้เกิดคำถามว่าทำไมนายกฯ คนใหม่ของญี่ปุ่นจึงเลือกมาที่เวียดนามก่อนประเทศอื่น?
คำตอบค่อนข้างชัด เมื่อผู้นำญี่ปุ่นและเวียดนามบรรลุตกลงในการกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับจีนที่กำลังคุกคามทะเลจีนใต้โดยการเสริมกำลังทหารและฐานทัพในทะเลจีนใต้
โดยจีนอ้างสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้ทั้งหมด และเสริมการอ้างสิทธิ์ในการเดินเรือโดยสร้างสันดอนและแนวปะการัง พร้อมฐานทัพทางอากาศและท่าเรือ รวมถึงเปิดตัวขีปนาวุธในน่านน้ำเมื่อเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมทางทหาร ในขณะที่เวียดนามรวมถึงประเทศใกล้เคียงอย่างฟิลิปปินส์ มาเลเซีย บรูไน และไต้หวันคัดค้านการอ้างสิทธ์ดังกล่าว
ก่อนหน้านี้จีนทำการซ้อมรบทางทหารในพื้นที่ต่างๆ ตามแนวชายฝั่งของประเทศรวมถึงบริเวณใกล้กับหมู่เกาะพาราเซลที่เวียดนามอ้างสิทธิ์ว่าเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของเวียดนาม นอกจากนี้จีนยังเคยส่งเครื่องบินรบและเครื่องบินทิ้งระเบิดไปลงจอดในหมู่เกาะดังกล่าวและสถาปนาหมู่เกาะเป็นเขตปกครองของตน
ทั้งนี้ สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานว่าญี่ปุ่นและเวียดนามเห็นชอบสนธิสัญญาทางทหารที่อนุญาตให้ญี่ปุ่นสามารถส่งออกยุทโธปกรณ์ซึ่งรวมถึงเครื่องบินลาดตระเวนและระบบเรดาห์ไปยังเวียดนามได้
โยชิฮิเดะ ซุงะ กล่าวในขณะเยือนกรุงฮานอยว่า "ถือเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันระหว่างสองประเทศที่สามารถบรรลุข้อตกลงในการส่งออกยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีทางทหาร และเชื่อว่าจะก้าวไปได้ไกลกว่านี้"
ซุงะ เสริมว่าทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะกระชับความร่วมมือก่อนที่จะเกิดความท้าทายในภูมิภาครวมถึงปัญหาทะเลจีนใต้ นอกจากนี้ญี่ปุ่นและเวียดนามจะทำงานร่วมกันในประเด็นที่พลเมืองญี่ปุ่นถูกลักพาตัวโดยเกาหลีเหนืออีกด้วย
โดยญี่ปุ่นมีผู้สูญหายหลายสิบคนที่สงสัยว่าถูกตัวแทนเกาหลีเหนือลักพาตัวไปในช่วงปี 1970 และ 1980 เพื่อฝึกสายลับในด้านภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น
นอกจากนี้ญี่ปุ่นและเวียดนามได้บรรลุข้อตกลงในการเริ่มเที่ยวบิน "เส้นทางธุรกิจ" หลังการเดินทางระหว่างสองประเทศถูกระงับไปเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งจะส่งผลให้ผู้บริหารและแรงงานฝีมือสามารถเดินทางระหว่างประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วันหากพวกเขาปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19
Photo by LUONG THAI LINH / POOL / AFP