posttoday

ช่างทำผมในสหรัฐไม่แพร่โควิดให้ลูกค้า139คนเพราะสวมหน้ากากอนามัย

15 กรกฎาคม 2563

เปิดผลศึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ พบช่างทำผม 2 รายที่ป่วยโควิดใน รัฐมิสซูรี ไม่ได้แพร่เชื้อให้ลูกค้า139คนที่มารับบริการ เพราะสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด

นับว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ย้ำเตือนว่า "การสวมหน้ากากอนามัย" ช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นสิ่งที่ผู้คนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันตัวเองจากไวรัส

ล่าสุด ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ ได้เปิดเผยผลการศึกษาที่บ่งชี้ว่า ช่างทำผม 2 คนในรัฐมิสซูรีซึ่งติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลานั้น ไม่ได้แพร่เชื้อให้กับลูกค้า 139 คนที่เข้ามารับบริการในร้าน

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ของสหรัฐได้ติดตามช่างทำผม 2 คนที่ติดเชื้อโควิด-19 ในเมืองสปริงฟิลด์ รัฐมิสซูรี โดยช่างทำผมคนหนึ่งแสดงอาการป่วยเมื่อวันที่ 12 พ.ค.63 และยังคงทำงานจนถึงวันที่ 20 พ.ค. จนได้รับทราบผลตรวจว่าติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างนั้นช่างทำผมรายนี้ได้แพร่เชื้อโควิด-19 ให้กับช่างทำผมอีกคนหนึ่งซึ่งยังคงทำงานจนถึงวันที่ 20 พ.ค.เช่นกัน โดยช่างทำผมคนที่สองเริ่มแสดงอาการป่วยในวันที่ 15 พ.ค.

ก่อนที่จะทราบผลว่าติดเชื้อโควิด-19 ช่างทำผมทั้ง 2 คนได้ให้บริการลูกค้าจำนวน 139 รายในระยะเวลา 8 วัน แต่หลังจากการติดตามผลและการสัมภาษณ์ลูกค้าที่ใช้บริการ ปรากฎว่า ไม่มีลูกค้าคนใดมีผลตรวจที่บ่งชี้ว่าติดเชื้อโควิด-19 และไม่มีคนใดที่แสดงอาการเกี่ยวกับปัญหาทางเดินหายใจ

นักวิจัยระบุว่า ช่างทำผมทั้ง 2 คนสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยมีทั้งหน้ากากผ้าสองชั้น และหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ในระหว่างการให้บริการลูกค้า

นอกจากนี้ ลูกค้าก็สวมหน้ากากอนามัยเช่นกัน ทั้งแบบหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ และหน้ากาก N95 ตลอดเวลาที่เข้ารับการบริการ

ช่างทำผมในสหรัฐไม่แพร่โควิดให้ลูกค้า139คนเพราะสวมหน้ากากอนามัย

รายงานผลการศึกษาระบุว่า "คำสั่งให้ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยนั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระหว่างที่ช่างทำผมและลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างใกล้ชิดในร้านเสริมสวย"

"ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า การบังคับใช้นโยบายสวมหน้ากากอนามัยเป็นวงกว้างขึ้นนั้น จะช่วยลดการติดเชื้อในที่สาธารณะ" ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ของสหรัฐระบุ

การไม่พบการแพร่เชื้อในร้านทำผมแห่งนี้ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า การใช้หน้ากากอนามัยและอุปกรณ์คลุมใบหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ปิดซึ่งมีผู้คนอยู่หนาแน่นนั้น มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการติดเชื้อ

นอกจากนี้ นักวิจัยยังได้อ้างถึงข้อมูลการสังเกตการณ์จาก 194 ประเทศซึ่งบ่งชี้ว่า ประเทศที่ไม่มีการแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์คลุมใบหน้านั้น มีอัตราการเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 สูงกว่าประเทศที่มีนโยบายให้ประชาชนสวมหน้ากากอนมัย

"ผลการศึกษานี้ช่วยสนับสนุนการใช้หน้ากากอนามัยหรืออุปกรณ์คลุมใบหน้าในที่สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมไม่ประสบความสำเร็จในการลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19" นักวิจัยระบุ