posttoday

นักช้อปชาวจีนคืนชีพ เตรียมใช้จ่ายไม่อั้นหลังพื้นไวรัส

12 มีนาคม 2563

เพราะความอัดอั้นที่ไม่ได้จับจ่ายมานาน ชาวจีนกำลังจะกลับมาปลดปล่อยมันอีกครั้ง

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า นักช้อปชาวจีนเริ่มกลับไปยังห้างสรรพสินค้าและร้านสินค้าแบรนด์เนมทีละน้อยๆ หลังจากมาตรการกักกันโคโรนาไวรัสผ่อนคลายลง โดยตลาดสินค้าหรูในประเทศจีนเป็นตลาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนสินค้าแบรนด์เนมทั่วโลก

ร้านค้าในประเทศจีนกลับมีความเคลื่อนไหวอีกครั้ง หลังจากการซื้อขายลดลงมากถึง 80% ในช่วงจุดสูงสุดของการระบาดเมื่อต้นฤดูหนาว ทำให้ยอดขายของแบรนด์ต่างๆ ตั้งแต่ Burberry ไปจนถึง Gucci ทรุดฮวบ

แต่การฟื้นจะเริ่มมีพลังมากขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพราะชาวจีนจะหันมามีพฤติกรรมที่เรียกว่า "จ่ายไม่อั้นเพื่อล้างแค้น" (Revenge Spending) ซึ่งเป็นการปลดปล่อยความอัดอั้นที่ไม่สามารช้อปปิ้งได้เป็นเวลานาน

ผู้ที่ใช้คำๆ นี้ คือ Amrita Banta กรรมการผู้จัดการของ Agility Research เพื่ออธิบายการซื้อของลูกค้าหรูหรา อย่างบ้าคลั่งด้วยเงินสดหลังจากต้องเลื่อนแผนการจับจ่ายไปนานหลายสัปดาห์

ก่อนหน้านี้คำดังกล่าวใช้อธิบายความต้องการผู้บริโภคชาวจีนที่ถูกกักขังไว้นานหลายสิบปี แล้วถูกปลดปล่อยออกมาในช่วงทศวรรษ 1980 หลังจากจีนเริ่มเปิดประเทศและปฏิรูปเศรษฐกิจ

ประเทศจีนดูเหมือนจะมาถึงจุดเปลี่ยนแล้ว และตามเมืองใหญ่ ๆ เริ่มามีความหวังด้านบวกอย่างสงวนท่าที เรากำลังมองเห็นการฟื้นตัวอย่างช้าๆ แต่ว่าแน่นอน" Banta กล่าว

ผู้ซื้อชาวจีนคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 3 ของยอดขายของสินค้าฟุ้มเฟือยทั่วโลก และคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2 ใน 3 ของอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ในปีที่ผ่านมา แม้ว่าไวรัสจะแพร่กระจายไปทั่วโลก แต่ก็มีสัญญาณว่าจีนกำลังควบคุมการระบาดได้ จีนรายงานว่ามีผู้ป่วยโรคใหม่เพียงหลักสิบเท่านั้นในวันพุธที่ผ่านมา ลดลงจากหลักร้อยหรือหลักพันคนต่อวันเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และแบรนด์หรูเช่น Hermes กำลังกลับมาเปิดร้านค้าอีกครั้ง

“เราเห็นการการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ของธุรกิจในประเทศจีน นอกจากความเคลื่อนไหวแล้ว บรรยากาศของลูกค้าชาวจีนก็มีความสำคัญเช่นกัน หลังจากหนึ่งเดือนครึ่งของการปิดและการกักกัน ตอนนี้มีความต้องการกลับมาใช้จ่ายและใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง” Micaela Le Divelec Lemmi ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Salvatore Ferragamo SpA กล่าว

ชาวจีนที่ชื่อ แอนดี้ หลี่ ผู้ทำงานด้านเทคโนโลยีการเงินวัย 29 ปีเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าในมณฑลซานซีถึง 3 ครั้งแล้วนับตั้งแต่มีการผ่อนคล้ายมตรการกักกันเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน โดยห้างสรรพสินค้าที่มีแบรนด์ดังๆ รวมถึง Kering’s Gucci และ Bottega Veneta มีตรวจสอบอุณหภูมิของผู้ซื้อก่อนที่จะอนุญาตให้เข้ามา และผู้เข้ามาจับจ่ายยังต้องสวมหน้ากากอนามัย

“ผมถูกขังอยู่ในบ้านตลอดทั้งเดือน” หลี่กล่าว “อาคารที่พักอาศัยของเราถูกล่ามโซ่และเราไม่ได้รับอนุญาตให้ไปที่ไหนก็ตาม ตอนนี้ผมรู้สึกเป็นอิสระอีกครั้ง”

เขาพยายามซื้อสินค้าทางออนไลน์มากขึ้นในระหว่างการกักกัน แต่บอกว่าผลิตภัณฑ์ที่เขาสั่งติดค้างที่ศุลกากรเพราะความล่าช้าด้านโลจิสติกส์

Hermes กล่าวว่าได้เปิดร้านสาขาในจีนทั้งหมดอีกครั้งยกเว้นอีก 2 ร้าน หลังจากปิดร้านสาขาทั้งหมดที่ 11 แห่งเมื่อจีนใช้มาตรการกักกันสูงสุด

ส่วน Chow Tai Fook Jewellery Group Ltd. ซึ่งเป็นแบรนด์อัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในโลกในด้านยอดขายกล่าวว่าประมาณ 85% ของร้านค้าในจีนกว่า 3,600 แห่งกลับมาเปิดดำเนินการในสัปดาห์นี้

และเมื่อวันอาทิตย์ ที่ห้างสรรพสินค้าหรูหราในเมืองหางโจวมีลูกค้าเข้าแถวเพื่อรอเข้ามาช้อปในร้าน Chanel

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวจากจีน แต่ความเสียหายในธุรกิจนี้จะลากยาวไปถึงครึ่งแรกของปีไม่ใช่แค่ไตรมาสแรกของปี เพราะแม้ว่าจีนจะฟื้นตัว แต่ศูนย์กลางแบรนด์หรูอย่างอิตาลีเกิดการระบาดหนักและปิดประเทศ ส่วนตลาดใหญ่อีกแห่งคือสหรัฐมีสถานกาณ์ที่แย่เหมือนกัน

แปลและเรียบเรียงจาก ‘Revenge Spending’ Spurs Chinese Luxury Rebound From Virus โดยสำนักข่าว Bloomberg