ไฟโหมป่าอเมซอนบราซิลครั้งใหญ่เห็นถึงอวกาศ
ป่าอเมซอนของบราซิลเจอไฟป่าโหมหนักนับสัปดาห์ ก่อให้เกิดควันไฟกลุ่มใหญ่จนมองเห็นได้จากอวกาศ ทั้งยังปกคลุมเซาเปาโลมืดมิดไม่ต่างจากตอนกลางคืน
ป่าอเมซอนของบราซิลเจอไฟป่าโหมหนักนับสัปดาห์ ก่อให้เกิดควันไฟกลุ่มใหญ่จนมองเห็นได้จากอวกาศ ทั้งยังปกคลุมเซาเปาโลมืดมิดไม่ต่างจากตอนกลางคืน
สถาบันวิจัยอวกาศแห่ชาติของบราซิล (INPE) เผยตัวเลขที่น่าตกใจว่าตั้งแต่เดือน ม.ค.-ส.ค. เกิดไฟป่าในแถบป่าอเมซอนแล้วกว่า 72,843 ครั้ง เพิ่มขึ้น 83% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติเมื่อ 6 ปีก่อน และหากนับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว เกิดไฟป่าถึง 9,500 ครั้ง
The number of forest fires in the Amazon Rainforest in #Brazil is up 82% from last year. The fires are purposely set by ranchers to clear land. They then burn out of control. The Bolsonaro govt has eliminated restrictions on burnings. This must be stopped! #PrayforAmazonia. RT pic.twitter.com/cAyUlqjdRz
— Daniel Schneider (@BiologistDan) August 20, 2019
ขณะที่ภาพถ่ายทางดาวเทียมขององค์การนาซาเผยให้เห็นกลุ่มควันไฟกลุ่มใหญ่ปกคลุมรัฐโรไรมาทางตอนเหนือสุดของประเทศ และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กระแสลมได้พัดพาควันไฟป่าจากรัฐอามาโซนาสและรอนโดเนียมาถึงเมืองเซาเปาโลซึ่งอยู่ห่างออกไปถึง 2,700 กิโลเมตร จนท้องฟ้าทั้งเมืองมืดมิดทั้งที่เป็นตอนกลางวัน โดยควันไฟป่าปกคลุมท้องฟ้าเมืองเซาเปาโลอยู่ราว 1 ชั่วโมง ด้านผู้คนในเมืองพากันแชร์ภาพท้องฟ้าในเวลาดังกล่าวเต็มโลกโซเชียล ส่งผลให้แฮชแท็ก #PrayforAmazonia ติดอันดับยอดนิยมในโซเชียลมีเดีย
This is Sao Paulo today, 4PM. The cloud from the burning of Amazon rainforest in Rondonia, covered the city. Sao Paulo is 3300km (2052 miles) distant from Boa Vista. Athens is closer to London than Sao Paulo is to Boa Vista. Just to give you an idea of the damage. pic.twitter.com/rVVBFFxPZS
— Beyond the Shadows (@BeyondDShadows) August 19, 2019
เบื้องต้นทางการบราซิลยังไม่ทราบต้นเหตุของไฟป่าครั้งใหญ่นี้ ทว่า ประธานาธิบดี ชาอีร์ โบลโซนารู อ้างว่าเกิดจากการเผาป่าเพื่อทำไร่
การเพิ่มขึ้นของไฟป่าอเมซอนเกิดขึ้นท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของประธานาธิบดีโบลโซนารู โดยนักวิทยาศาสตร์ชี้ว่าพื้นที่ป่าอเมซอนก็หายไปอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโบลโซนารูรับตำแหน่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้นำรายนี้เน้นนโยบายการพัฒนามากกว่าการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทั้งยังหนุนให้เกษตรกรโค่นป่าเพื่อทำไร่ ทั้งที่ผู้นำคนก่อนๆ พยายามลดการตัดไม้ทำลายป่าทั้งโดยการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและการปรับผู้ฝ่าฝืน
มนุษย์ทำให้ไฟป่าเลวร้ายขึ้น
ในระบบนิเวศทั่วไปนั้น ไฟป่าถือเป็นเหตุการณ์ธรรมชาติและจำเป็นสำหรับป่า ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเคลียร์กิ่งไม้ที่ตายแล้ว การคืนสารอาหารลงสู่ดิน หรือช่วยให้พืชพันธุ์แตกหน่อ แต่ในช่วงไม่กี่ปีนี้มนุษย์ทำให้ความเสียหายจากไฟป่ารุนแรงขึ้น การยับยั้งไฟป่าทำให้กิ่งไม้ใบหญ้าแห้งตายสะสมมากขึ้น กิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ทำให้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้พื้นที่ป่าสะสมความร้อนและแห้งแล้งมากขึ้น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี
ทว่า ในป่าอเมซอนไฟป่าไม่ได้เกิดตามธรรมชาติ แต่เกิดจากฝีมือมนุษย์ เกษตรกรชาวบราซิลมักจะเผาป่าเพื่อเปิดพื้นที่ทำไร่ทั้งๆ ที่บราซิลมีกฎหมายห้ามเผาป่าในฤดูแล้ง รวมทั้งการเผาไล่ที่ชนเผ่าพื้นเมืองของนายทุนที่ลักลอบตัดไม้
ปัจจุบันนี้ป่าไม้ของบราซิลหายไปราว 15% และนักวิทยาศาสตร์ยังกังวลว่าหากป่าหายไป 25% ป่าฝนที่ใหญ่ที่สุดของโลกผืนนี้จะไม่มีป่าไม้สร้างวัฏจักรของน้ำ และในที่สุดป่าที่เคยหนาแน่นจะกลายเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาร้อนๆ และการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบไปทั่วโลก เนื่องจากป่าอเมซอนเป็นแหล่งผลิตก๊าซออกซิเจนแหล่งใหญ่ ทั้งยังช่วยดูดซับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกหนึ่งในตัวการของภาวะโลกร้อนเป็นพันล้านตัน