posttoday

ปีนเอเวอเรสต์แสนเสี่ยง แต่ทำไมคนยังไปกันล่ะ

22 มีนาคม 2562

อันตรายที่รออยู่ระหว่างทางไม่ได้ทำให้นักปีนเขาหวาดหวั่น

อันตรายที่รออยู่ระหว่างทางไม่ได้ทำให้นักปีนเขาหวาดหวั่น

ภาวะโลกร้อนทำให้หิมะและธารน้ำแข็งของภูเขาเอเวอเรสต์ละลายในอัตราที่รวดเร็วจนทำให้ร่างของนักปีนเขาที่ถูกหิมะและน้ำแข็งทับถมอยู่ค่อยๆ ปรากฏเพิ่มขึ้น โดยนับตั้งแต่มีการบันทึกมา พบว่ามีผู้สังเวยชีวิตบนภูเขาแห่งนี้แล้วเกือบ 300 คน และ 2 ใน 3 เชื่อว่ายังถูกฝังอยู่ใต้น้ำแข็ง

แต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตเหล่านี้กลับไม่ได้ทำให้จำนวนคนที่อยากจะพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้ลดลงเลย แล้วอะไรทำให้ผู้คนทั่วโลกยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อจะเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้ชื่อว่าผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ล่ะ

 

ปีนเอเวอเรสต์แสนเสี่ยง แต่ทำไมคนยังไปกันล่ะ

 

ความต้องการพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์เริ่มขึ้นเมื่อราว 150 ปีก่อน หลังจากนักสำรวจชาวอังกฤษยืนยันว่ายอดเขา 8,848 เมตรยอดนี้คือยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก นับแต่นั้นมาเอเวอเรสต์ได้กลายเป็นขั้วโลกแห่งที่สามที่นักสำรวจต้องการจะเป็นคนแรกที่ได้ขึ้นไปเหยียบ สอดคล้องกับที่ เมาริซ ไอเซอร์แมน นักประวัติศาสตร์จากวิทยาลัยแฮมิลตันในรัฐนิวยอร์กของสหรัฐ เผยไว้ว่า “เอเวอเรสต์กลายเป็นจุดดึงดูดทันทีที่ถูกยกให้เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก แม้จะมีภูเขาลูกอื่นให้ปีนอีกมาก มียอดเขาที่สวยกว่านี้อีกไม่น้อย แต่เอเวอเรสต์คือรางวัล คือที่สุด”

จอร์จ มัลลอรี่ นักปีนเขาชาวอังกฤษที่เสียชีวิตขณะพยายามพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์เป็นครั้งที่ 3 ในปี 1924 ให้เหตุผลว่าเหตุใดเขาจึงปีนเขาเอเวอเรสต์กับหนังสือพิมพ์ เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ ว่า “ก็เพราะมันอยู่ตรงนั้นไง” ซึ่งภายหลังประโยคนี้กลายเป็นคำยอดฮิตในหมู่นักพิชิตยอดเขา และแม้ว่ามัลลอรี่ต้องจบชีวิตอยู่บนยอดเขาและกว่าจะพบร่างก็ผ่านไปแล้ว 75 ปี แต่ตำนานการปีนเขาของเขาก็ยังถูกเล่าขานกันมาจนถึงทุกวันนี้

 

ปีนเอเวอเรสต์แสนเสี่ยง แต่ทำไมคนยังไปกันล่ะ

 

ส่วน ริช เมเยอร์ ผู้นำทางแห่งยอดเขาอัลไพน์ มองว่าการพิชิตเอเวอเรสต์ถือเป็นการเอาชนะความท้าทาย “การปีนเขาต้องเผชิญทั้งความท้าทายทางร่างกายและจิตใจ เพื่อให้ไปถึงจุดที่สวยที่สุดบนโลก การเอาชนะความท้าทายเหล่านั้น การบรรลุภารกิจ และการรู้จักศักยภาพของตัวเองเพิ่มขึ้น ถือเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่”

ด้าน รายส์ โจนส์ ที่รักการปีนเขาเป็นชีวิตจิตใจ เผยกับสำนักข่าวบีบีซีว่า “ทุกคนรู้ดีถึงอันตราย พวกเขาทุกคนล้วนอ่านหนังสือเกี่ยวกับความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างทาง แต่ความเสี่ยงนี่แหละคือตัวดึงดูดนักปีนเขา และทำให้ประสบการณ์แต่ละครั้งมีคุณค่าน่าจดจำ”

นอกเหนือจากนั้นคือการเอาชนะตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญกับความกลัว การก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเอง ซึ่งถือเป็นแรงจูงใจอันดับต้นๆ ของนักปีนเขา โดยภูเขาเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ระหว่างที่เรากำลังไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดเท่านั้น

ภาพ : Reuters, AP, AFP