อินโดฯ ขอมัสยิดงดใช้เครื่องขยายเสียง หวังลดความขัดแย้งทางศาสนา

หวั่นขัดแย้ง อินโดนีเซียขอความร่วมมือมัสยิดทั่วประเทศใช้เครื่องขยายเสียงอย่างเหมาะสม หลังกรณีศาลตัดสินจำคุกสตรีชาวพุทธไม่เป็นธรรม

เดอะสตาร์ออนไลน์ของมาเลเซียรายงานว่า กระทรวงศาสนาของอินโดนีเซีย ได้ออกประกาศเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การใช้เครื่องขยายเสียงในระหว่างการประกอบพิธีทางศาสนาของมัสยิด หลังจากที่เกิดกรณีคำตัดสินของศาลในเมืองเมดาน ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ตัดสินจำคุกสตรีชาวพุทธเชื้อสายจีน เป็นเวลา 18 เดือน ด้วยข้อหาหาหมิ่นศาสนา จากการที่เธอร้องเรียนว่าเธอได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับเสียงของมัสยิดที่อยู่ใกล้บ้านเธอ จนกระทั่งข้อร้องเรียนดังกล่าวของเธอนำไปสู่จลาจลระหว่างศาสนา

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : อินโดฯ จับผู้พิพากษาที่ตัดสินจำคุกหญิงชาวพุทธ ฐานรับสินบน

 

 

ล่าสุดเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ( 25 ส.ค.) ทางกระทรวงกิจการศาสนาของอินโดนีเซียได้ออกประกาศขอความร่วมมือมัสยิดทุกแห่งทั่วประเทศ ใช้เครื่องขยายเสียงเฉพาะการสวดอาซาน หรือ คือการเรียกเพื่อละหมาดของอิสลามเท่านั้น  รวมถึงไม่ให้มีการเพิ่มระดับเสียงและใช้ลำโพงภายในอาคารขณะทำการละหมาดเท่านั้น รวมถึงยังเรียกร้องให้สถาบันศาสนาทุกแห่งในอินโดนีเซียปฎิบัติตามข้อแนะนำทั้ง 6 ข้อดังนี้

 

 

1. การกระจายเสียงผ่านเครื่องขยายเสียงในมัสยิดควรได้รับการจัดการโดยผู้มีประสบการณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงเสียงรบกวนที่อาจก่อให้เกิดความเกลียดชังทางศาสนา

2. ผู้ที่ทำการอาซาน ต้องมีน้ำเสียงไพเราะ

3. อย่าเพิ่มระดับเสียงในการละหมาด

4. ไม่ใช้เครื่องขยายเสียงในช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่กำลังนอนหลับ ยกเว้นการทำอาซาน ซึ่งจะต้องเป็นตามข้อกำหนดก่อนหน้านี้

5. การสวดอาซานเป็นไปเพื่อความต้องการขั้นพื้นฐานทางศาสนาเท่านั้น รวมถึงต้องมีความไพเราะและง่ายต่อการได้ยิน

6. การสวดอาซานควรออกอากาศในช่วงเวลาที่เหมาะสม ขณะที่กิจกรรมทางศาสนาอื่นๆ เช่นการอ่านอัลกุรอานควรใช้ลำโพงภายในอาคารเท่านั้น

ทั้งนี้ ข้อกำหนดดังกล่าวของกระทรวงกิจการศาสนาอินโดมีขึ้นเพียง 3 วัน หลังจากที่ศาลของเมืองเมดาน ตัดสินจำคุกนางเมเลียน่า วัย 44 ปี สตรีชาวพุทธเชื้อสายจีนเป็นเวลา 18 เดือน ด้วยข้อหาหมิ่นศาสนาที่สร้างเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่าย ขณะที่ล่าสุด คณะกรรมการปราบปรามทุจริตของอินโดนีเซียได้เข้าควบคุมตัว ผู้พิพากษาของศาลเมืองเมดานที่นั่งบัลลังก์ตัดสินคดีของนางเมเลียน่า อาจมีส่วนพัวพันกับการรับสินบน

การออกข้อกำหนดดังกล่าวของรัฐบาลอินโดนีเซียในครั้งนี้ นับว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจสำหรับประเทศที่มีพลเมืองชาวมุสลิมมากที่สุดในโลก ในการจัดการกับความขัดแย้งและลดความเกลียดชังระหว่างศาสนา รวมถึงกรณีการจับกุมผู้พิพากษาที่ตัดสินคดีดังกล่าวด้วยเช่นกัน