posttoday

หนาวนี้ เวลาแห่งความสุข

03 พฤศจิกายน 2561

เรื่อง : ทีม@Weekly

เรื่อง : ทีม@Weekly

ฤดูหนาวมาถึงแล้ว หลายคนบอกว่าเป็นการเริ่มต้นนับเข้าสู่เทศกาลแห่งความสุข ในเชิงท่องเที่ยวก็ถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นหรือเวลาทองในการเดินทางไปสัมผัสลมหนาวในที่ซึ่งสวยงาม มาดูถึงหน้าหนาวปีนี้ในเมืองไทยว่าจะมีอะไรกันบ้าง

หนาวมาแล้ว แต่ไม่หนาวมาก

สุทัศน์ วีสกุล ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ก่อนที่จะประกาศว่าเข้าสู่หน้าหนาว หน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้ จะพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย ทิศทางลมและความเร็วลม

ปัจจัยแรก ทิศทางลม จะเปลี่ยนจากลมฝนที่พัดมาจากแถวอินเดียทางทิศตะวันตก และตะวันตกเฉียงใต้ เป็นลมหนาวที่พัดมาจากมองโกเลียและจีนตอนบนทิศเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ และความเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยดังกล่าวจะวัดผ่านความเร็วลม

ปัจจัยที่สอง คือ ปริมาณฝนลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่งฝนอาจจะยังตก แต่ก็มีปริมาณน้อยลง และปัจจัยสุดท้ายก็คือ อุณหภูมิที่ลดต่ำลงกว่า 23 องศาเซลเซียส คลุมพื้นที่ 60%

“ถ้าดูจากอากาศในช่วงนี้ ก็จะพบว่า อุณหภูมิที่ลดต่ำลงกว่า 23 องศาเซลเซียสจริง ตามหลักเกณฑ์ที่จะประกาศได้ ประชาชนในพื้นราบอาจจะยังไม่รู้สึกถึงอากาศที่หนาวเย็นลง แต่ประชาชนบนยอดดอยเริ่มสัมผัสกับอุณหภูมิตามเกณฑ์ที่ว่าแล้ว

ประเทศไทยตอนบนโดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ฝนจะลดลงและอากาศจะเย็นลงอีก 1-3 องศาเซลเซียส แต่สำหรับภาคใต้จะยังคงได้รับอิทธิพลจากลมตะวันออก และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะทำให้เกิดลมแรงและมีฝนตกในบริเวณภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย” ผู้อำนวยการ สสนก. กล่าว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในปีนี้ สภาพอากาศยังได้รับอิทธิพลจาก ปรากฏการณ์เอลนินโญ ซึ่งส่งผลให้ความกดอากาศสูงที่ทำให้เกิดอากาศเย็นพัดลงมาสู่ประเทศไทยแบบไม่ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ คืออากาศที่พัดมาจากมองโกเลียและจีนตอนบนทิศเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ พัดมาและถอยกลับไป จึงอาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้อากาศช่วงหน้าหนาวในปีนี้ไม่หนาวเท่าที่ควร

“สภาพอากาศนั้นเชื่อมโยงกันและอาจะเปลี่ยนแปลง คลาดเคลื่อนจากการพยากรณ์ได้ จึงจำเป็นที่จะต้องตรวจวัดถี่ขึ้นกว่าในอดีต จึงจะแม่นยำขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของฝนที่เปลี่ยนเร็วจนอาจจะคลาดเคลื่อนจากที่ได้ประกาศออกไป” สุทัศน์ กล่าว

หนาวนี้ เวลาแห่งความสุข

สินค้า-ห้างร้านจัดหนักคึกคักรับหนาว

หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยาออกมาประกาศว่าเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ กลุ่มสินค้าที่มีขายอยู่ในเวลาดังกล่าวก็เริ่มออกมาอัดแคมเปญใหญ่รับลมหนาว ประกาศกิจกรรมส่งเสริมการขายกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเครื่องทำน้ำอุ่น

สำหรับกิจกรรมส่งเสริมการขายที่นิยมจัดขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงไฮซีซั่นนี้ส่วนใหญ่ยังคงเน้นไปที่การจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้า เพราะไม่ว่าจะทำช่วงเวลาไหนก็ได้ผลการตอบรับจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี

ด้วยเหตุนี้ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จึงเล็งเห็นโอกาสขนสินค้ากลุ่มเครื่องทำน้ำอุ่นมาจัดโปรโมชั่นพิเศษภายใต้แคมเปญ WINTER SALE ลดราคาสูง 45% อบอุ่น ผ่อนคลาย เลือกได้สไตล์คุณ ด้วยการนำสินค้าเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อนมาลดราคาสูงสุด 45% เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงไฮซีซั่น

นอกจากนี้ หากช็อปด้วยบัตรโฮมโปร วีซ่า รับ 3 ต่อ ประกอบด้วย ต่อที่ 1 ลดทันที 3% ต่อที่ 2 ลดเพิ่ม 13% (เมื่อใช้คะแนนเท่ากับยอดซื้อ) ต่อที่ 3 ผ่อน 0% ทั้งร้านนาน 4 เดือน พร้อมฟรีบริการ
ติดตั้ง เครื่องทำน้ำร้อน-น้ำอุ่น-หม้อต้ม ทุกรุ่น ทุกแบรนด์ มูลค่า 500 บาท และเมื่อซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อน และหม้อต้ม ครบทุก 1 หมื่นบาท รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 300 บาท ช็อปครบทุก 5 หมื่นบาท รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 2,500 บาท และช็อปครบทุก 5 แสนบาท รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 3.5 หมื่นบาททันที

เช่นเดียวกับเพาเวอร์บาย ที่ออกมาจัดแคมเปญส่งเสริมการขายภายใต้โปรโมชั่น WINTER HEATER Fair นำสินค้าเครื่องทำน้ำอุ่นมาลดราคาสูงสุด 38% เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงหน้าหนาวนี้ นอกจากนี้ลูกค้าที่ซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นยังจะได้รับสิทธิพิเศษจ่ายค่าติดตั้งเพียง 99 บาทเท่านั้น

นอกจากผู้ประกอบการร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าจะออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกันอย่างคึกคักแล้ว ในส่วนของร้านเพื่อสุขภาพและความงามอย่างร้านวัตสันเองก็ออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอย่างคึกคักเช่นกัน

กับโปรโมชั่น “Winter Buffet Party ช้อปสุด Fun…Mix สุดมันส์ ตามสไตล์คุณ” ในร้านวัตสันแบบบุฟเฟ่ต์ โดยสามารถเลือกซื้อสินค้าที่ร่วมรายการจำนวน 3 ชิ้น สามารถคละได้ ในราคาพิเศษ เพียง 199 บาท และ 299 บาท ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.-21 พ.ย. 2561 ที่ร้านวัตสันทุกสาขาทั่วประเทศไทย และวัตสันออนไลน์

หนาวนี้ เวลาแห่งความสุข

ในส่วนของสินค้าที่สามารถนำมาคละกันได้ 3 ชิ้น ในราคา 199 บาท ประกอบด้วย ลิสเตอรีน คูลมินต์ น้ำยาบ้วนปาก การ์นิเย่ ไลท์ คอมพลีท ไวท์สปีดโฟม/ไลท์สคับ ฟอร์ยูบู ลิปอะโฮลิค/ลิปอะโฮลิคนู้ด ส่วนสินค้าที่ร่วมรายการคละกันได้ 3 ชิ้น ราคา 299 บาท ประกอบด้วย วาสลีนเซรั่ม แพนทีน แชมพู/คอนดิชั่นเนอร์ และสเนลไวท์ ครีมอาบน้ำ

ด้านผู้ประกอบการห้างค้าปลีกอย่างโรบินสันเองก็ออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงหน้าหนาวนี้ผ่านแคมเปญ “ROBINSON TRAVEL & LEISURE” เพื่อให้โรบินสันได้เป็นเดสติเนชั่นที่ตอบทุกโจทย์ความต้องการของนักช็อปทราเวลเลิฟเว่อร์ที่สมบูรณ์แบบ ตั้งแต่วันนี้-22 พ.ย. ที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน 47 สาขา

อรวรรณ ทิพย์สุวรรณพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายบริหารสินค้า บริษัท โรบินสัน กล่าวว่า การเปิดตัวแคมเปญ “ROBINSON TRAVEL & LEISURE” ในครั้งนี้ถือเป็นการมอบความสุขให้กับลูกค้าให้ช็อปปิ้งสนุกมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช็อปสนุกแล้ว ยังจะได้ลุ้นทริปท่องเที่ยว โปรโมชั่น และสิทธิพิเศษโดนใจกับส่วนลดสูงสุด 50% ซึ่งการออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบดังกล่าว เพราะเป็นช่วงหน้าขายสินค้า ซึ่งบริษัทคาดว่าภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกในของปลายปีนี้จะมีความคึกคัก เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว อีกทั้งยังมีเทศกาลสำคัญอย่างเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่

นอกจากนี้ ยังเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ที่นักช็อปน่าจะมีดีมานด์การจับจ่ายสินค้าสูง โดยไอเท็มสินค้าที่น่าจะเป็นที่ต้องการของนักช็อปอันดับต้นๆ ก็คือ ไอเท็มสำหรับนักเดินทาง ด้วยเหตุนี้ โรบินสัน จึงใช้งบประมาณการตลาดกว่า 5 ล้านบาท เปิดแคมเปญล่าสุดเอาใจกลุ่มนักช็อปทราเวลเลิฟเว่อร์กับแคมเปญ “ROBINSON TRAVEL & LEISURE” เพื่อให้โรบินสันได้เป็นเดสติเนชั่นที่ตอบทุกโจทย์ความต้องการของนักช็อปทราเวลเลิฟเว่อร์ที่สมบูรณ์แบบ

ขณะเดียวกัน ห้างเซ็นทรัลและเซนก็มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านแคมเปญ “Central/ZEN Singles Day” ลดทั้งห้างสูงสุด 50% และลดเพิ่มสูงสุด 18% จากบัตรเครดิตชั้นนำ พร้อมรับคะแนนเดอะวันรวมเป็น 11 เท่า หรือรับสูงสุดรวมเป็น 14 เท่า เมื่อช็อปผ่านบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน ครบ 3,000 บาทขึ้นไป/วัน นอกจากนี้ ยังจะมีโปรโมชั่น
พิเศษซื้อ 1 แถม 1 หลากหลายรายการ เมี่อช็อปผ่านบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน (เฉพาะ 11 พ.ย.) เป็นต้น

การออกมาจัดแคมเปญโปรโมชั่นของบรรดาสินค้าและห้างร้านดังกล่าว นอกจากจะช่วยกระตุ้นยอดขายของตัวเองให้มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปกติได้แล้ว เชื่อว่าน่าจะช่วยกระตุ้นให้บรรยากาศการช็อปปิ้งและภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2561 นี้มีความคึกคักเพิ่มขึ้นอีกด้วย

สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไทยคึกคักเมื่อหนาวแรกสัมผัส

เมื่อลมหนาวพัดมากระทบกาย ลมหายใจที่รับได้ถึงความแห้งของอากาศทว่าเย็นสดชื่น นักท่องเที่ยวและคนชอบเที่ยวต่างเตรียมตัวออกไปเที่ยวรับลมหนาวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เมืองไทยมีที่ให้ไปเยือนรับลมหนาวที่นิยมและสดใหม่ที่พอประมวลมาได้ดังนี้

ชิมทะเลหมอก บนยอดฆูนุงซีลีปัต

ล่องใต้คนจะคิดถึงแต่ทะเล แต่ที่นี่ “เบตง” ใต้สุดแห่งสยามมี ฆูนุงซีลีปัต (Gunung Silipat) จุดชมวิวทะเลหมอกสุดอลังการ ตั้งอยู่ระหว่างบ้าน กม.28 และบ้าน กม.22 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา ติดอันดับ 1 ใน 15 สถานที่ท่องเที่ยวที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดอันดับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์

ฆูนุงซีลีปัตหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า เขาหิน เป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามของเบตง สามารถมองทิวทัศน์ได้รอบ 360 องศา อยู่บนยอดเขาสูง 670 เมตร ส่วนจุดสูงสุดของฆูนุงซีลีปัตต้องเดินไต่สันเขาไปอีก 200 เมตร โดยพื้นที่บนยอดเขากว้างประมาณ 18 ตร.ม. ต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 70-80 คน

ไปรับอากาศหนาวสั่นและลั่นชัตเตอร์เก็บภาพมหาสมุทรหมอก และระหว่างที่ซึมซับบรรยากาศรอบตัวอยู่นั้น ทางกลุ่มการท่องเที่ยวฯ จะมีบริการกาแฟและขนมปังเป็นอาหารเช้าบนยอดเขาเคล้าสายหมอก

ติดต่อกลุ่มการท่องเที่ยวโดยชุมชนทะเลหมอกฆูนุงซีลีปัต ทางเพจเฟซบุ๊ก ฆูนุงซีลีปัต - ฆูนุงซาลี Gunungsilipat โทร. 08-1093-8549, 08-2265-6900

หนาวนี้ เวลาแห่งความสุข

ความหอมบนสวนยาหลวง

บ้านสันเจริญ ต.ผาทอง อ.ท่าวังผา จ.น่าน มียอดเขาที่สูงที่สุดชื่อ ยอดดอยสวนยาหลวง มีความสูง 1,100-1,500 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นภูเขาปลูกกาแฟสายพันธุ์อราบิกาของชาวเผ่าอิ้วเมี่ยน ชาวบ้านเจ้าถิ่นที่เปลี่ยนจากการปลูกฝิ่นมาปลูกกาแฟ ลิ้นจี่ และลำไย ทั้งยังเปิดการท่องเที่ยวโดยชุมชนพานักท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตและธรรมชาติบนยอดดอย

จากหมู่บ้านถึงยอดดอยสวนยาหลวงระยะทาง 12 กม. ล้วนเป็นเส้นทางดินขรุขระต้องใช้รถโฟร์วีลเป็นพาหนะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที บนยอดดอยเป็นเขตแบ่ง 2 จังหวัดโดยพระอาทิตย์จะขึ้นฝั่งน่านและตกฝั่งพะเยา ซึ่งระหว่างที่กำลังเหน็บหนาวจะได้ดื่มกาแฟดริปร้อนๆ เพิ่มความอุ่นทดแทนพระอาทิตย์ที่ยังไม่ตื่นนอน

ติดต่อท่องเที่ยวบ้านสันเจริญทางเพจเฟซบุ๊ก ท่องเที่ยวดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ หรือติดต่อ “กริช” เจ้าของร้านกาแฟ ลาเปี้ยน คอฟฟี่ โทร. 08-6390-7737

เหมืองในหมอก บ้านอีต่อง

เกือบหลงคิดไปว่าที่นี่คือ เมืองปาย แต่ที่ไหนได้คือ บ้านอีต่อง ต.ปิล๊อก จ.กาญจนบุรี หมู่บ้านติดชายแดนเมียนมาที่มีหมอกและความชื้นตลอดปีจนนึกว่าอยู่ภาคเหนือตลอดเวลา

บ้านอีต่องเคยเป็นเหมืองแร่ดีบุกชื่อ เหมืองปิล๊อก ในยุครุ่งเรืองได้มีเพื่อนบ้านชาวเมียนมาเข้ามาทำงานเป็นชาวเหมืองจำนวนมาก แม้ว่าเหมืองจะปิดไปนานกว่า 27 ปีแล้วก็ตาม ชาวบ้านที่ยังไม่อพยพไปไหนจึงเปลี่ยนอาชีพมาทำการท่องเที่ยว

บ้านเรือนแทบทุกหลังถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นโฮมสเตย์ เกสต์เฮาส์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านค้า แต่สำหรับวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมยังพอมีให้เห็นอยู่ในตลาดเช้าที่ชาวไทยและชาวเมียนมาจะนำสินค้าและพืชผลการเกษตรมาวางขายแบกะพื้น ท่ามกลางไอหมอกที่เดี๋ยวมาเดี๋ยวไปตามแรงลม โดยเฉพาะรอบบึงน้ำกลางหมู่บ้านที่ทั้งสวยทั้งหนาวทั้งเปียกชื้น ซึ่งได้กลายเป็นคาแรกเตอร์ของอีต่องไปแล้ว

ภูอีเลิศสะแมนแตน

จังหวัดที่ขึ้นชื่อว่าหนาวสุดในสยามอย่าง จ.เลย มีภูใหม่มาทวงคืนตำแหน่งยอดนิยมโดยได้นำเสนอชื่อ ภูอีเลิศ เป็นผู้เข้าชิง ภูอีเลิศตั้งอยู่ในบ้านปากหมัน ต.ปากหมัน อ.ด่านซ้าย จ.เลย เป็นจุดชมทะเลหมอกและชมดาวแห่งใหม่ของจังหวัด

นักท่องเที่ยวต้องโดยสารรถอีแต๊กของชาวบ้านขึ้นยังไปจุดชมวิว โดยรถอีแต๊ก 1 คันนั่งได้ 6 คน ค่าบริการคันละ 500 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง โดยด้านบนมีจุดกางเต็นท์เพื่อชมดาวยามค่ำและตื่นเช้ามาดูตะวันขึ้นพร้อมทะเลหมอกตระการตา ซึ่งบนนั้นสามารถมองได้ไกลถึงเขตป่า สปป.ลาว กลายเป็นทิวทัศน์ธรรมชาติที่สมบูรณ์

ติดต่อท่องเที่ยวบ้านปากหมันทางเพจ เฟซบุ๊ก ภูอีเลิศ ทะเลหมอกบ้านปากหมัน