ขับรถเที่ยว ฮอกไกโด 1
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน สัปดาห์ที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้ไปทดลองขับรถเที่ยวตามคำเชิญของบริษัท Follow Me Japan (FMJ)
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน สัปดาห์ที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้ไปทดลองขับรถเที่ยวตามคำเชิญของบริษัท Follow Me Japan (FMJ) ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติสิงคโปร์ที่มีความชำนาญเรื่องทัวร์ขับรถมานานนับสิบปี และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีของบรรดาผู้ประกอบการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ผมเองเคยทำทัวร์ขับรถเที่ยวญี่ปุ่นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย พอทราบว่าทาง FMJ จะเชิญไปขับรถเที่ยว ก็รีบรับปากเพราะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ เพื่อคิดหาทางต่อยอดกับธุรกิจของเราในอนาคต เส้นทางที่ไปคือ ฮอกไกโดฝั่งตะวันออก ซึ่งน่าสนใจมากเนื่องจากยังไม่เป็นที่นิยมของตลาดไทย จึงเห็นเป็นโอกาสแนะนำเส้นทางใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวไทยด้วย พอลงไปดูในรายละเอียดก็พบว่าฝั่งตะวันออกของฮอกไกโดนั้นมีจุดอ่อนอยู่ตรงที่เส้นทางรถไฟไม่ครอบคลุม การจะไปเที่ยวให้ทั่วมีวิธีเดียวคือต้องขับรถเท่านั้น
รอบนี้ผมบินจากไทยไปลงที่สนามบินฮาเนดะแล้วต่อสายการบินภายในประเทศไปลงที่สนามบิน Memambestu ตอนจองตั๋วต้องระวังให้ดี เพราะมีสนามบินอีกแห่งชื่อคล้ายกันคือ Mombetsu เวลาจองจึงมีโอกาสพลาดได้ทั้งผู้จองก็คือเรา หรือผู้รับจอง ถ้าจองตรงกับสายการบินคงพลาดยากเพราะเขาคุ้นเคย แต่ถ้าจองผ่านบริษัททัวร์ต้องย้ำให้ดี เพราะตัวย่อของสองสนามบินนี้มันดันคล้ายกันอีก MMB = Memambetsu และ MBE = Mombetsu เจอคนที่ไม่รู้จักและไม่รอบคอบ จองผิดกันมาไม่น้อย ไม่ต้องอื่นไกล ทีมถ่ายรายการทีวีของผมก็ยังเคยพลาดมาแล้วกับสองสนามบินนี้เมื่อหลายปีก่อน ผมเสียเวลาเปลี่ยนเครื่องไม่นาน แต่สำหรับมือใหม่อย่าชะล่าใจ ข้อเสียของสนามบินฮาเนดะ คือ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศกับในประเทศอยู่ห่างกัน ต้องนั่งรถบัสหรือรถไฟรางเพื่อเปลี่ยนอาคาร ดังนั้นเมื่อลงจากเครื่องแล้ว ขอให้รีบผ่าน ตม.แล้วไปรอรับกระเป๋า ถ้ากระเป๋ายังไม่มาก็แวะทำธุระในห้องน้ำให้เรียบร้อย แล้วให้รีบเดินผ่านศุลกากรออกไปยังเคาน์เตอร์เช็กอินเปลี่ยนเครื่องเพื่อส่งกระเป๋า จากนั้นจึงนั่งรถบัสรับส่งไปยังอาคารผู้โดยสารในประเทศซึ่งมีบริการทุก 15-20 นาที กระบวนการที่ว่ามาทั้งหมดนี้ผมใช้เวลาประมาณ 40 นาที ตั้งแต่เครื่องลงจนพาตัวมาถึงยัง Domestic Terminal เรียบร้อย ยังเหลือเวลานั่งจิบกาแฟและเข้าห้องน้ำอีกพักใหญ่ก่อนจะเรียกขึ้นเครื่อง
ผมหลับไปตั้งแต่เครื่องยังไม่เทกออฟ มาตื่นอีกทีตอนเกือบจะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ต้องงีบเอาแรงเพราะลงเครื่องปุ๊บทำงานทันที ตอนรับกระเป๋าสังเกตคนรอบกาย ทำไมส่วนใหญ่ใส่เสื้อหนาวกัน ตามความคิดผม ต้นเดือน มิ.ย.มันเข้าหน้าร้อนแล้วนิ เลยเตรียมเสื้อยืดแขนสั้นกับแขนยาวมาอย่างละ 3-4 ตัว กับแจ็กเกตคู่ใจที่ใส่ขึ้นเครื่อง เจอสภาพตรงหน้ารู้ชะตาตัวเองทันที แต่ทำใจดีสู้เสือรับกระเป๋าแล้วลากออกไปยังโถงขาเข้า เจ้าหน้าที่มายืนรอรับชื่อคุณมินาโกะ เพื่อนเก่าที่เจอกันตั้งแต่ทำทัวร์สกี้เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว ตอนนั้นเธอยังทำงานที่ Rusutsu Resort แล้วก็เปลี่ยนงานมา 2 แห่ง จนเมื่อปีที่แล้วมีโอกาสคุยกันเรื่องทัวร์ขับรถ เพราะผมเองก็เคยทำแต่ยังกระเตาะกระแตะมินาโกะเลยชวนให้มาดูวิธีการทำทัวร์ในแบบของ FMJ พร้อมเชิญชวนให้มาร่วมมือกัน เพราะฐานลูกค้าอยู่ในระนาบใกล้เคียงกัน จึงเกิดทริปนี้ขึ้น พอลากกระเป๋าออกนอกอาคารปุ๊บ ความเย็นระดับ 10 กว่าองศาก็มาปะทะทันที คำนวณแล้วว่าถ้าใส่แขนยาวทุกวันกับแจ็กเกตอีกตัวคงพอเอาตัวรอดได้ จึงละความคิดที่จะแวะร้านยูนิโคล แล้วรีบเอาสัมภาระขึ้นรถ รถที่ใช้ในครั้งนี้เป็น Toyota Prius ที่คุณมินาโกะเช่าจาก Toyota Rent a Car สาขา Poplar แถวหน้าสนามบิน Chitose แล้วขับมารับผม อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าขับตรงมาเลยหรอกครับ ตามรายการของ FMJ ทัวร์ขับรถเส้นทางนี้เริ่มต้นจากสนามบินชิโตเสะ ขับขึ้นฟุราโนะ โซอุนเคียว แล้วตัดข้ามมาเองการุ อะบาชิริ ใช้เวลา 3-4 วัน ผมมาเข้ารายการเขาในช่วงกลางของการเดินทางพอดี
การขับรถในญี่ปุ่นนั้นไม่ยากเลย โดยเฉพาะกับคนไทยเรา เพราะคนญี่ปุ่นขับกันอย่างเคร่งวินัย ถนนหนทางดีมีคุณภาพ ป้ายบอกเส้นทางชัดเจน และสิ่งสำคัญที่สุดในการเดินทางไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง ก็คือ เจ้าเครื่อง Navigator แค่ลำพังมีแต่เครื่องอย่างเดียวไม่พอครับ เพราะถึงแม้เครื่องนี้จะสามารถบอกเส้นทางเป็นภาษาอังกฤษได้ก็ตาม แต่หากท่านไม่ทราบตำแหน่งของจุดหมายปลายทาง ก็เป็นเรื่องยุ่งยากเหมือนกัน หลายท่านใช้วิธีกรอกเบอร์โทรศัพท์ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ได้กับสถานที่ที่มีการบันทึกไว้กับหน่วยงาน เช่น โรงแรม ร้านอาหาร แต่สถานที่เที่ยวหลายแห่งเมื่อท่านใช้หมายเลขโทรศัพท์ระบุตำแหน่ง มันอาจจะพาไปถึงก็จริงแต่ถึงด้านหน้า ซึ่งหลายแห่งไม่มีที่จอดรถหรือที่จอดรถอยู่คนละที่ ดังนั้นวิธีที่จะระบุตำแหน่งให้แม่นยำที่สุด คือ การใช้ Map Code เพราะสถานที่เที่ยวหลายแห่งไม่มีเบอร์โทรศัพท์ ลองนึกภาพว่าท่านจะขับรถไปชมวิวทะเลสาบหรือภูเขา ที่มันไม่มีเบอร์โทรสิครับ Map Code จึงเข้ามาตอบโจทย์นี้ได้อย่างลงตัว ทีมงานของ FMJ เขาเก่งเรื่องนี้ครับ เพราะเขาให้ Map Code ที่ระบุถึงตำแหน่งที่จอดรถของสถานที่นั้นๆ เลย และไม่ใช่ใครก็หาได้นะครับ มันต้องมีการไปสถานที่จริง ระบุตำแหน่งกันจริงๆ ซึ่งตรงนี้แหละที่ FMJ เขาหนือชั้นกว่าใคร
คุณมินาโกะบันทึก Map Code เข้าไปในเครื่องบอกเส้นทาง ก่อนจะออกรถบึ่งไปยังจุดหมายปลายทางที่โรงแรม Hokuten no Oka ในเครือ Tsuruga เจ้าพ่อที่พักสไตล์ Ainu Contemporary ที่โดดเด่นที่สุดในฮอกไกโด เดิมทีผมจะต้องมาถึงคืนก่อนหน้าวันนี้ แต่ดันติดภารกิจด่วนเลยต้องบินมาถึงวันนี้แทน คุณมินาโกะอยากให้ผมเห็นที่พักที่เขาใช้บริการลูกค้า เลยพากันมาดู เมื่อเทียบกับสองสามแห่งที่ผมเคยเข้าพัก โรงแรมนี้อยู่ในระดับกลางๆ ของเครือ Tsuruga ไม่หรูเกินไป และก็ไม่ใช่ระดับที่กรุ๊ปทัวร์ส่วนใหญ่นอน แต่ถ้าอยากได้ห้องหรูหราเขาก็มีห้องพักระดับ Ko no Za ที่แยกออกมาเป็นเอกเทศบนชั้น 2 แต่ละห้องตกแต่งตามคอนเซ็ปต์ของ Tsuruga เป๊ะ แถมมีสวนเล็กๆ และบ่อแช่น้ำร้อนส่วนตัวให้ด้วย อีกอย่างที่ชอบมาก คือ บาร์ที่อยู่ชั้นล่าง นอกจากมีเตาผิงตามมาตรฐานของเครือแล้ว ยังมีบาร์เหล้าที่ใช้แผ่นไม้ขนาดใหญ่ทั้งแผ่นวางเป็นเคาน์เตอร์ให้นั่งจิบ พร้อมชมวิวด้านนอก ตกเย็นมีนักดนตรีมาเล่นพิณ (Harp) ให้ฟัง ตรงที่นั่งฟังก็เก๋ซะ ใช้เก้าอี้หลากสไตล์มาจัดวางให้ดูผ่อนคลาย และที่ขาดไม่ได้ คือ บ่อน้ำร้อนที่มองเห็นวิวด้านนอกสบายตา และมี Hot stone sauna แผ่นหินร้อนไว้นอนให้เหงื่อซึมบริการด้วย แอบเสียดายที่ไม่ได้มานอนโรงแรมดีๆ แบบนี้ แต่คงต้องมีโอกาสแหละ เพราะวางแผนไว้ว่าจะพาคนไทยมาขับรถเที่ยวแถวนี้ช่วงเดือน ต.ค. ใครสนใจหลังไมค์มาได้ครับ