posttoday

"อันซีนนครพนม" ตามรอยชะมด ค้นพบจามจุรียักษ์

30 ธันวาคม 2560

ไม่ว่าใครก็ตั้งสมญานามจังหวัดว่าเป็น “นครแห่งความสุข” ได้ แต่ไม่ใช่ทุกจังหวัดจะเป็นนครแห่งความสุขได้เหมือน “นครพนม”

โดย...กาญจน์ อายุ

ไม่ว่าใครก็ตั้งสมญานามจังหวัดว่าเป็น “นครแห่งความสุข” ได้ แต่ไม่ใช่ทุกจังหวัดจะเป็นนครแห่งความสุขได้เหมือน “นครพนม” จังหวัดริมฝั่งโขงทางอีสานตอนบนที่มีธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และผู้คนซึ่งสร้างความสุขแก่ผู้มาเยือน

ริเวอร์ครูซล่องโขง

สิบแปดนาฬิกาเคารพธงชาติถึงเวลา “เรือริเวอร์ครูซ” ออกจากท่าไปล่องแม่น้ำโขง ท่ามกลางบรรยากาศเย็นสดชื่นแบบไม่ต้องง้อโชคชะตา เพราะลมแม่น้ำโขงเย็นตลอดเวลาแม้ในหน้าร้อน ซึ่งอาจต้องขอบคุณภูเขาหินปูนและป่าไม้ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นปอดและแอร์ธรรมชาติให้พัดพามายังฝั่งไทย

เรือริเวอร์ครูซเป็นลูกเล่นใหม่ นอกเหนือจากถนนริมแม่น้ำโขงที่สามารถเดิน วิ่ง ปั่นจักรยานเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร โดยเป็นการล่องเรือที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา เปิดเพลงภาษาไทย ไม่มีไฟดิสโก้ แต่มีบาร์ขายเครื่องดื่มในเรือเพื่อเพิ่มอรรถรส

เรือจะออกจากท่าบริเวณ “องค์พญาศรีสัตตนาคราช” พญานาคขดหาง 7 เศียร หล่อด้วยทองเหลือง น้ำหนักรวม 9,000 กก. จากนั้นล่องทวนกระแสน้ำขึ้นไป เสียงเครื่องยนต์ดังแต่ไม่ระคายหู เพราะสายตามัวจับจ้องอยู่กับดวงอาทิตย์ที่กำลังตกทางฝั่งไทย ส่วนฝั่ง สปป.ลาว กำลังสวยงามด้วยแสงสีชมพูสุดท้าย ก่อนท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน

ผู้คนแห่ออกมาใช้ชีวิตยามเย็นริมฝั่งโขง บ้างวิ่ง บ้างจ๊อกกิ้ง บ้างนั่งตากลมปล่อยอารมณ์ บ้างโบกมือให้คนในเรือที่กำลังผ่านไป ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีชีวิตเหมือนสายน้ำที่ไม่เคยหยุด เหมือนความสุขที่หลั่งไหลเข้ามา ใครจะเชื่อว่าแค่นั่งเฉยๆ มองซ้ายบ้างขวาทีจะกลายเป็นความสุขแบบธรรมดาที่สุด

"อันซีนนครพนม" ตามรอยชะมด ค้นพบจามจุรียักษ์ ผู้ผลิตกาแฟขี้ชะมด

อาจต้องขอบคุณสายลม สายน้ำ ความกดอากาศต่ำ และฤดูกาลที่สร้างสรรค์ให้บรรยากาศหลังเย็นย่ำสวยงามกว่าฤดูอื่น แม้เรือจะเคลื่อนไหวไปข้างหน้า แต่คนในเรือกลับหยุดนิ่งทอดมองไม่ขยับ ปล่อยให้ภาพทีละภาพเขยื้อนตามจังหวะไม่รีบร้อน

เมื่อสุดเส้นทางผ่าน 30 นาทีแรก เรือไม้ตีวงกลับ เสียงเครื่องแผ่วตามกระแสน้ำ ในขณะที่สองข้างทางเริ่มเห็นแสงไฟเหมือนท้องฟ้าทำดวงดาวตกไว้บนพื้นดิน ฝั่งเพื่อนบ้านยามนี้แทบมืดสนิทผิดกับฝั่งไทยที่ยังไม่หลับใหล แสงจากโคมไฟริมโขงทอดยาวหลายกิโลฯ ส่องแสงเห็นผู้คนยังคงดำเนินต่อไป

หนึ่งชั่วโมงที่สมองปลอดโปร่ง ไม่คิดถึงสิ่งใด เป็นช่วงผ่อนคลายที่สุดในรอบวัน ทำไมล่องเรือแม่น้ำโขงที่นครพนมถึงมีความสุขกว่าที่อื่น เมื่อตั้งคำถามจึงได้พิจารณาและเพิ่งสังเกตเห็นว่า ทั้งแม่น้ำมีแค่เรือลำเดียวโดดเดี่ยวกลางรัตติกาล มิน่าทำไมถึงสบายตา สบายหู สบายอารมณ์ เพราะได้กอบโกยความปลอดโปร่งเพียงคนเดียว

เพลินขี้ชะมด

มาถึงนครพนมไม่คิดว่าจะได้ดื่มกาแฟชะมด และคิดไม่ถึงว่าจะมีไร่กาแฟชะมด ความแปลกใหม่อยู่ที่ “ไร่กาแฟขี้ชะมดบลูโกลด์” ฟาร์มเลี้ยงชะมดที่ถูกออกแบบเป็นระบบนิเวศแบบเปิด เสมือนชะมดได้อาศัยจริงอยู่ในป่าที่เต็มไปด้วยต้นกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า เพื่อให้มันมีความสุขและจะได้ขี้ออกมาเป็นกาแฟขี้ชะมดรสชาติดี

“เฟลม” เกียรติศักดิ์ คำวงษา นักธุรกิจรุ่นใหม่เจ้าของธุรกิจบลูโกลด์ คอฟฟี่ ที่กำลังศึกษาอยู่คณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เล่าว่า ด้วยความใฝ่ฝันที่จะยกฐานะครอบครัวและเพิ่มมูลค่าไร่กาแฟของคุณแม่ที่ปลูกทิ้งไว้ตามธรรมชาติและเก็บเมล็ดขายแบบทั่วไป จึงได้ปรึกษาอาจารย์ประจำคณะว่า ควรทำอย่างไรที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผืนดินที่มีจนได้แนวคิดผลิตกาแฟขี้ชะมดขึ้นมา

"อันซีนนครพนม" ตามรอยชะมด ค้นพบจามจุรียักษ์ มอคค่าพอตคือวิธีชงกาแฟขี้ชะมดที่รสชาติดีที่สุด

ไร่กาแฟขี้ชะมดแห่งนี้จึงถือกำเนิดเมื่อปี 2556 โดยเริ่มจากการปลูกกาแฟที่ อ.นาด้วง จ.เลย พื้นที่เพียง 10 ไร่ ก่อนจะขยายอาณาจักรไปยัง อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม บนพื้นที่กว่า 400 ไร่ในปัจจุบัน ด้วยการสร้างไร่กาแฟขี้ชะมดระบบเปิด ส่งผลให้เมล็ดกาแฟขี้ชะมดของที่นี่มีคุณภาพดีกว่าที่อื่น

เฟลมยังเล่าด้วยว่า กรรมวิธีผลิตกาแฟขี้ชะมดค่อนข้างยุ่งยาก โดยขั้นตอนแรกต้องให้ชะมดกินผลกาแฟสุกเข้าไป จากนั้นกรดและเอนไซม์เฉพาะตัวในกระเพาะของชะมดจะทำปฏิกิริยาเคมีกับผลกาแฟ (ลักษณะคล้ายการหมักบ่ม) จนย่อยเปลือกและเนื้อของกาแฟให้เหลือเพียงกะลากาแฟซึ่งย่อยสลายไม่ได้ พอชะมดขับถ่ายออกมา เมล็ดกาแฟจะถูกนำไปเข้ากระบวนการต่างๆ คือ คัดแยกเมล็ด ล้างตากแห้ง สี และคั่ว กระทั่งได้เป็นเมล็ดกาแฟขี้ชะมดที่มีลักษณะสีเหลือง มีกลิ่นหอม และรสชาติเป็นเอกลักษณ์

ด้วยกรรมวิธีที่ยุ่งยากและต้นทุนการผลิตที่สูงกว่ากาแฟทั่วไป ทำให้กาแฟขี้ชะมดมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 5 หมื่น-1 แสนบาท ปัจจุบันเฟลมได้พัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เป็นของฝาก เปิดร้านกาแฟในไร่ที่นครพนม และขยายสาขาที่สองในกรุงเทพฯ

นอกจากนี้ ในอนาคตอันใกล้ เขายังเตรียมเปิดไร่กาแฟให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เพื่อสร้างองค์ความรู้ทางเกษตรกรรมและเสริมสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน โดยตอนนี้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปลิ้มลองกาแฟขี้ชะมดได้ที่ร้านบลูโกลด์ คอฟฟี่ และเดินชมบ้านของเจ้าชะมดได้อย่างใกล้ชิด

"อันซีนนครพนม" ตามรอยชะมด ค้นพบจามจุรียักษ์ ไร่กาแฟโรบัสต้า สถานที่เลี้ยงชะมดระบบเปิด

อันซีนนครพนม

ภาพถ่ายต้นจามจุรียักษ์ภายในวัดที่ไหนสักแห่งถูกแขวนไว้เด่นชัดในล็อบบี้โรงแรมอาร์โฟโต้ อันเป็นที่มาของการตามหาต้นไม้ซึ่งเป็นลายแทงสู่ “วัดจอมศรีหมู่ 2” วัดเล็กๆ ที่อยู่ของต้นจามจุรีใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านขยายเต็มลานวัด โดยใต้ต้นนั้นเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำหรับเคารพบูชา ตามปกติของวัดมักเงียบและเย็นสบาย แต่คุณทวดจามจุรียิ่งทำให้บรรยากาศร่มรื่นชื่นใจและงดงาม

จากนั้นอันซีนฉากต่อไปได้เผยให้เห็นที่ บ้านคำเกิ้ม ชุมชนที่ขึ้นชื่อเรื่องการเลี้ยงไก่งวงแห่งแรกของประเทศ และยังเป็นที่ตั้งของกลุ่มคริสตชนชาวเวียดนามจึงเป็นที่ตั้งของ “วัดนักบุญยอแซฟ คำเกิ้ม” ในรั้วเดียวกันมีทั้งวัดเก่าซึ่งร้าง และวัดใหม่ที่ยังเป็นศาสนสถานของชาวคริสต์ในชุมชน

ความคลาสสิกย่อมอยู่ที่ของเก่าทั้งตัวสถาปัตยกรรม กระจกสีแตกพัง และคราบอดีตตามผนัง ทำให้คิดถึงความหลังที่ผุพังแต่ยังมีความหวังที่หลังใหม่อันอบอวลด้วยศรัทธา

เช่นเดียวกับ “วัดนักบุญอันนา หนองแสง” ที่แม้ว่าจะเฉิดฉายเป็นจุดเช็กอินในเมือง แต่ยังเป็นจุดมองข้ามของหลายคน วัดแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่มีคนหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่รวมกันทั้ง ไทย ญวน จีน และลาว วัดมีสถาปัตยกรรมสวยงามแปลกตา และมีอาคารที่ทำการศาสนกิจของบาทหลวงนิกายคาทอลิกอยู่ด้านข้าง ในสไตล์โคโลเนียลก่อด้วยอิฐปูน ภายนอกทาสีเหลืองแบบเวียดนาม

"อันซีนนครพนม" ตามรอยชะมด ค้นพบจามจุรียักษ์ วัดนักบุญอันนา หนองแสง

นอกจากนี้ ทุกวันคริสต์มาส ชาวคริสต์แต่ละชุมชนในนครพนมจะประดิษฐ์ดาวรูปแบบต่างๆ แห่มารวมกันไว้ที่นี่ เป็นงานใหญ่ประจำปีที่สวยและศักดิ์สิทธิ์

รวมถึง “พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม (หลังเก่า)” ที่อยู่ใกล้กัน เป็นจุดที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง โดยอาคารชั้นบนและล่างไม่มีเสา ไม่มีการตอกตะปูแต่ใช้การเข้าเดือยไม้ ซึ่งเป็นวิธีสร้างสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่หาได้ยากยิ่งแล้ว มีความสวยงามแบบตะวันตก เพราะได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศสช่วงสมัยสงครามอินโดจีน

ปัจจุบันปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ พร้อมนิทรรศการถาวรชื่อ “เล่าขาน อดีตกาล เมืองนคร”

กลับไปที่จุดเริ่มต้นว่า ไม่ใช่ทุกจังหวัดสามารถเป็นนครแห่งความสุข เพราะไม่มีจังหวัดไหนเหมือนนครพนม จังหวัดริมฝั่งโขงขนาดไม่ใหญ่แต่อุดมด้วยต้นทุนแห่งความสุขทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และผู้คน จนทำให้หลงลืมว่ากำลังมีเรื่องทุกข์อะไร