posttoday

พปชร.นำ 33 ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เปิดตัวสื่อเครือเนชั่น

05 เมษายน 2566

อุตตม -สกลธี -นฤมล นำผู้สมัคร ส.ส. 33 เขต กรุงเทพ เปิดตัวกับสื่อเครือเนชั่น มั่นใจ พล.อ.ประวิตร เป็นผู้นำ สามารถระดมคนก้าวข้ามความขัดแย้ง เชื่อ กวาดที่นั่ง ส.ส. ทั้งประเทศได้ ประมาณ 60- 70 ที่นั่ง

วันนี้ ( 5 เม.ย.66) ผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. พรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายอุตตม สาวนายน ประธานคณะกรรมการจัดทำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ นายสกลธี ภัทธิยกุล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค  เดินทางมายังเนชั่นทีวี 22 เพื่อเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม. 33 เขต โดยมี นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารเนชั่นกรุุ๊ป และผู้บริหาร เนชั่นกรุ๊ป ให้การตอนรับ

นายอุตตม กล่าวว่า ขอให้มั่นใจพรรคพลังประชารัฐว่าทำได้แน่ ทำได้จริง โดยพรรคพลังปรชารัฐ มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้ประกาศแล้วที่จะทำเต็มที่ แม้ช่วงรัฐบาลปัจจุบันมีเหตุโควิด ทำให้ยิ่งต้องพัฒนา โดยเน้นนโยบายยึดโยงพื้นที่ กทม. ซึ่งจะตอบโจทย์สำคัญของสังคมไทยคือพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยพรรคมีความโดดเด่นจาก 1.บุคลากรผู้สมัครของพรรค 2.นโยบายที่โดดเด่น 3.ทีมงาน โดยพล.อ.ประวิตรมีความเป็นผู้นำที่เด็ดขาด และสามารถระดมคนจากทุกฝ่ายเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งมาร่วมพัฒนาประเทศ

นายสกลธี กล่าวว่า นโยบายเด่นของพรรคในพื้นที่กทม. คือ การผลักดันกองทุนประชารัฐสามแสนล้านบาท ลงไปสนับสนุนการผลิตของเด่นในชุมชนให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยตนได้พูดทุกเวทีในช่งที่ผ่านมา ส่วนการที่ลุงป้อม พูดน้อยทำเยอะ หรือแม้แต่การไม่ขึ้นเวทีดีเบตไม่ได้แปลว่าไม่เก่งอะไร หรือจะนำมาเป็นตัววัดให้เสียคะแนนนิยม ดังนั้นเชื่อว่าการพูดเก่งไม่สำคัญเท่ากับการทำงาน

"หากให้ประเมินสถานการณ์เลือกตั้ง ส.ส.พลังประชารัฐ น่าจะอยู่สัก 60-70 ที่นั่ง ส่วนที่โพลที่ออกมาประเมินพรรคต่ำนั้น ตนไม่ได้ห่วง เพราะโพลก็คือโพลอย่างตอนที่ตนลงเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ก็มีการประเมินว่าตนได้ 1% แต่พอผลเลือกตั้งออกมาได้ 9 %" นายสกลธีกล่าว

ดร.นฤมล กล่าวว่า ความโดดเด่นของพรรคพลังประชารัฐ คือนโยบายลดค่าครองชีพ โดยทีมเศรษฐกิจได้หารือ ในเรื่องของการเน้นลดค่าครองชีพ ค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่งมองไปถึงระยะยาว  รวมถึงการจัดหาแหล่งทำกินให้ประชาชนและการพัฒนาอาชีพ

ส่วนกรณีความพยายามของพรรคในการก้าวข้ามความขัดแย้ง นั้น พรรคพลังประชารัฐมีจุดยืน ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 62 โดยเรายึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เรามีผู้แทนทุกปัญหาต้องจบในสภาไม่สนับสนุนการสร้างความขัดแย้ง และไม่ทำให้ประชาชนต้องลงถนน ซึ่งพรรคไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร และจะไม่ร่วมกับพวกทุจริตคอร์รัปชั่น