เลือกตั้ง66: ผ่าทีมเศรษฐกิจ นโยบาย พรรคประชาธิปัตย์

การเลือกตั้งวันที่ 14พ.ค.2566 นอกจาก ว่าที่ผู้สมัครส.ส. แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค ถือเป็นส่วนสำคัญ รวมทั้งสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องอยากให้มีการแก้ไขโดยเร่งด่วน ปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคือง ดังนั้น นโยบายเศรษฐกิจ-คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ถือเป็นอีกจุดขาย ทุกพรรคล้วนต้องเลือกเฟ้น บุคคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญทั้งด้านการเงิน การคลัง การค้า การต่างประเทศ ด้านเทคโนโลยี นวัตกรรมฯ เข้ามาเสริมทัพ สร้างความแข็งแกร่งให้พรรค 

พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคพลังประชารัฐ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดตัว ทีมเศรษฐกิจ เปิดนโยบายด้านเศรษฐกิจ ใช้ในการหาเสียงกันไปบ้างแล้ว ที่ล้วนแล้วแต่ เป็นบุคคลมีชื่อเสียงจาก หลายวงการ 

พรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำ ‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์’ หัวหน้าพรรคและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดตัวคณะทำงานเศรษฐกิจ ล้วนมีชื่อเสียง ประสบการณ์ ผลงานในอดีต เป็นตัวการันตรี ประชาธิปัตย์ มีทีมงาน มือดีทางเศรษฐกิจ ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปจากพรรคการเมืองอื่น

1.ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม 

อดีต รมช.กระทรวงการคลัง อดีตคณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เคยเป็นผู้บริหารระดับสูง ธนาคารแห่งประเทศไทย และยังเป็นนักเศรษฐศาสตร์ ของIMF ประจำกรุงวอชิงตันดี ซี สหรัฐฯ 

ดร.พิสิฐ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ คือหนึ่งในนักอภิปราย ไม่ใช่เพียงแค่คอยตรวจสอบ ติติง นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น มีข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ต่อสังคมโดยรวม ได้เสนอส่งตรงไปถึง รัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง ในศึกเลือกตั้งปี66 ถูกเลือกให้เข้ามาเป็น ประธานนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาประกาศ นโยบายของพรรคที่จะมุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย วงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท ครอบคลุมทุกความต้องการของคนทุกกลุ่ม เป็นแนวคิดที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

2.ม.ร.ว. ศศิพฤนท์ จันทรทัต 
อดีต CEO บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด มหาชน อดีตกรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย อดีต CEO บริษัท TT&T  จำกัด มหาชน และยังเป็นหนึ่งใน ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลัง ชั้นแนวหน้าของประเทศ ที่ได้รับการยอมรับจาก ผู้คนในแวดวงเศรษฐกิจ

ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน มีความรู้ความสามารถ ถูกทาบทามให้มาช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ในทีมของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะด้านการเงิน เป็นอีกเรื่องที่สำคัญยิ่งต่อการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ 

3.นายเกียรติ  สิทธีอมร

 อดีตรองประธานหอการค้าโลก  (ICC) อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย อดีตประธานคณะกรรมการบริหารหอการค้านานาชาติ แห่งประเทศไทย และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างประเทศ หากพูดถึงการเงิน การลงทุน ข้อมูลความสัมพันธ์กับนักธุรกิจต่างประเทศ เป็นบุคคลที่มี คอนเนกชั่นกว้างขวาง 

เกียรติ ให้ความสำคัญ นวัตกรรมทางความคิด ทุกภาคส่วนควรเผยแพร่ในเรื่องที่ประเทศไทยเป็นจุดแข็ง มีความถนัด ไปต่างประเทศ ควบคู่กับการจัดสรรงบวิจัย เพื่อการแข่งขันในระยะยาว ซึ่งจังหวัดของประเทศไทยมีจุดเด่นและมีศักยภาพที่ต่างกัน การใช้นวัตกรรมที่เหมาะกับจุดเด่นของแต่ละที่ จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับประเทศและทางเศรษฐกิจ 

4.ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ 

อดีตรองผู้ว่ากทม. ฝ่ายโยธาและการจราจร ดร.สามามารถ คือ คนที่ตรวจสอบ ระบบคมนาคม ขนส่ง เรื่องรถไฟฟ้า การใช้งบประมาณที่ดูแล้วชวนน่าสงสัย เพราะมีความ เชี่ยวชาญด้านคมนาคม โครงสร้างพื้นฐาน และโครงการขนาดใหญ่ (MEGA PROJECT) นอกจากนี้ อดีตยังเคยที่ปรึกษาด้านโครงสร้างพื้นฐาน ธนาคารโลก (WB) องค์การสหประชาชาติ (UN) ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA)

ดร.สามารถ ไม่เพียงจะตรวจสอบ ระบบการขนส่งคมนาคม หรือ การก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ เพียงอย่างเดียว ให้ความสำคัญกับเรื่อง ค่าไฟแพง ที่คนไทยต้องแบกจ่ายในราคาที่สูง พร้อมกับกระตุ้นให้ภาครัฐ หาแนวทางช่วยเหลือประชาชนโดยด่วน เพราะเรื่องนี้ กระทบกับผู้คนที่ต้องใช้ไฟฟ้าทุกระดับชั้น ทุกสาขาอาชีพ ขณะเดียวกัน พรรค ไม่ได้ละเลยต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการหาแนวทางร่วมกัน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 

5.วทันยา บุนนาค หรือ มาดามเดียร์              

     
ได้รับมอบหมายให้มาดูเรื่อง นวัตกรรม เทคโนโลยีโดยเฉพาะ ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ บทบาทที่ผ่านมา ไปเก็บข้อมูล พูดคุย กับกลุ่มผู้ประกอบการ หลากหลายสาขาอาชีพ โฟกัส กลุ่มผู้ประกอบการ หรือ เอสเอ็มอี คนรุ่นใหม่ มากเป็นพิเศษ และได้ให้แนวคิด ไอเดีย หลายต่อหลายอย่างนำเสนอต่อ พรรค ที่เตรียมผลิตออกมาเป็น นโยบายในอนาคต 

ถือเป็น ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดทุนยุคใหม่ และซอฟต์พาวเวอร์ ที่ประเทศไทยมีจุดแข็งหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น อาหาร วัฒนธรรม ประเพณี กีฬาบางชนิดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวไทย หวังจะต่อยอด ดึงพลังคนรุ่นใหม่ พลังแห่งการสร้างสรรค์ ต่อยอดนำไปสู่ การสร้างรายได้ ควบคู่กับ การพัฒนาเศรษฐกิจ พัฒนาประเทศ ไปพร้อมๆกัน 

6.ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ          

           
คนหนุ่ม แต่มากด้วยประสบการณ์ ก่อนเข้าสู่แวดวงการเมือง เคยเป็นผู้บริหาร รับช่วงบริหารธุรกิจ ชิ้นส่วนยานยนต์ ของครอบครัว ได้ขยายกิจการและการลงทุนไปยังภาคพื้นยุโรป ด้วยประสบการณ์ทำงานและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภูมิภาคยุโรป ประเทศมอลโดวาเสนอแต่งตั้งให้ ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์และหัวหน้าคณะผู้แทนทางการกงสุลของสาธารณรัฐมอลโดวาประจำประเทศไทยคนแรก 

เป็นคนหนุ่มที่น่าจับตามองทางการเมือง เป็นอดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ ประชาธิปัตย์ และยังเป็น ที่ปรึกษา ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำงานใกล้ชิดกับนายชวน และในวันนี้เข้ามารับช่วง มาเสริมความแข็งแกร่งให้พรรค ได้รับมอบหมายให้ ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ ควบคู่กับเรื่องระบบการศึกษา ที่เจ้าตัวให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ เช่นกัน 

7.ดร.สรรเสริญ  สมะลาภา      

จบการศึกษา ปริญญาตรีพาณิชยศาสตร์และการบัญชี สาขาบัญชีต้นทุน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท เศรษฐศาสตร์ สาขานโยบายการเงินการคลัง มหาวิทยาลัยแคลร์มอนท์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และปริญญาเอก เศรษฐศาสตร์ สาขานโยบายการเงินและการพัฒนาเศรษฐกิจเอเซีย จากมหาวิทยาลัยแคลร์มอนท์

เคยเป็นอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ และเป็น ผู้เชี่ยวชาญ ด้านเศรษฐกิจ ธนาคารโลก (WORLD BANK)  ตำแหน่งทางการเมือง ยังเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ของนายจุรินทร์ มีความเชี่ยวชาญด้านการค้ากับต่างประเทศเป็นอย่างยิ่ง มีผลงานนำสินค้าไทย ไปขายยังต่างแดน นำรายได้เข้าประเทศมหาศาล เป็นอีกคนที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง ด้านการค้า การลงทุน ให้กับพรรคประชาธิปัตย์                                                                   
8.นายอลงกรณ์  พลบุตร

เป็นอดีตส.ส.หลายสมัย ของพรรคประชาธิปัตย์ มีประสบการณ์การเมือง การบริหาร มาอย่างยาวนาน อดีต รมช.พาณิชย์  ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ได้รับสมญานาม มิสเตอร์เอทานอล เคยเป็นประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy)คนแรกของประเทศ ทางด้านการเมือง เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในยุค เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นเจ้ากระทรวง 

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศชัดเจนพรรคมีแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับฐานราก มุ่งเน้นเรื่องการเกษตร พืชเศรษฐกิจ ปศุสัตว์ ประมง กลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก ผู้ใช้แรงงาน 

เศรษฐกิจมหภาค มุ่งเน้นเรื่องการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ 
เศรษฐกิจทันสมัย เศรษฐกิจอนาคต เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซอฟต์พาวเวอร์ 
 

ประชาธิปัตย์ ให้ความสำคัญ วางกรอบการทำงาน คณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรค ต้องมุ่งเน้น“สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” ภายใต้การขับเคลื่อนของ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ที่วางกรอบการทำงาน ผลิตนโยบาย ครอบคลุมทุกการทำงาน ทุกมิติ ทุกความต้องการของประชาชน เป็นการตอกย้ำ ประชาธิปัตย์พร้อมแล้ว สำหรับการเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566