เลือกตั้ง66: กกต.ไม่กังวลปมแบ่งเขต ห่วงการแข่งขันรุนแรงขอเคารพกติกา
แสวง บุญมี เผยกกต.เดินหน้าจัดเลือกตั้งตามหน้าที่ ไม่กังวลศาลปกครองวินิจฉัยปมแบ่งเขต ไม่ฟันธงกรณีชูวิทย์รณรงค์ต่อต้านพรรคการเมืองชูนโยบายกัญชาเสรี และกรณีพรรคการเมืองเปิดรับบริจาคเงิน10,000บาทต้องแจ้งกกต.
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงการเตรียมรับมือคำร้องเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ศาลปกครองสูงสุด ว่าขณะนี้ยังไม่เห็นหมายศาลยืนยันวจัดการเลือกตั้ง เป็นไปตามหน้าที่ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนด เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา ต้องรอดูฟังคำวินิจฉัยของศาลปกครอง
ส่วนการลงพื้นที่หาเสียงของพรรคการเมืองและว่าที่ผู้สมัครส.ส. ขอความร่วมมือทุกฝ่ายเคารพกฎหมายในการแข่งขัน เพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นกกต. พนักงานจัดการเลือกตั้ง กปน.และรัฐบาลรักษาการที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบกฎหมาย และตามรัฐธรรมนูญมาตรา 169 เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องไม่ใช้ตำแหน่งโดยมิชอบ ในการให้คุณหรือให้โทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง
ยอมรับว่าการแข่งขันการเลือกตั้ง อาจจะมีความรุนแรงตามที่มีข่าวออกมา แต่สำนักงานกกต.ก็มีมาตราการที่จะดูแลแล้ว วันนี้จะถือว่าเป็นวันนับหนึ่ง ในการเริ่มจัดการเลือกตั้งช่วงแรกการหาเสียงอาจจะยังไม่เข้มข้น แต่เมื่อรู้เขตเลือกตั้งชัดเจน และประกาศวันเลือกตั้งอาจจะทำให้การหาเสียงเลือกตั้งเข้มข้นยิ่งขึ้น
ส่วนประเด็นเรื่องคำร้องเรียนในช่วง 180 วันก่อนการเลือกตั้งนั้น กกต.ยังคงดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตออกมาเคลื่อนไหวสื่อสารกับประชาชน ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่มีนโยบายกัญชาเสรี นายแสวง กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญคนไทยมีสิทธิเสรีภาพ แต่ขณะเดียวกันเมื่อใช้สิทธิ์ต้องเคารพกฎหมาย ซึ่งกรณีดังกล่าวต้องดูในข้อเท็จจริง โดยเฉพาะเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งออกมาแล้ว การกระทำจะทำได้แค่ไหนอย่างไร โดยกฎหมายให้ความคุ้มครองและให้การแข่งขันให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ ซึ่งหากนายชูวิทย์ไม่ผิด ก็ทำได้ตามกฎระเบียบ แต่ก็ต้องดูตามข้อเท็จจริงว่าเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่
เมื่อถามย้ำว่าการรณรงค์ไม่ให้เลือกใคร ผิดกฎหมายหรือไม่ เลขากกต. ชี้แจงว่าต้องไปดู มาตรา73 ได้กำหนดไว้
ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองรณรงค์ให้ประชาชนร่วมบริจาคเงินทำป้ายหาเสียงของพรรคการเมืองนั้น เบื้องต้นได้ตรวจสอบข้อกฎหมายแล้ว ชี้แจงว่าอาจเป็นรูปแบบการหาเสียง ตามมาตรา68 คือผู้สมัครไม่ว่าจะเป็นพรรค หรือตัวผู้สมัคร ส.ส.สามารถรับบริจาค จากบุคคลได้เพื่อใช้เป็นประโยชน์ ต่อการเลือกตั้งเฉพาะช่วงที่มีพระราชกฤษฎีกา ถ้ารวมกันแล้ว เกินจำนวน 10,000 บาทใน 1 วัน จะต้อง แจ้งกกต.ทราบภายใน 7 วัน