ช่างแอร์ไม่เล็กนะครับ “บอล-โฟล์ค” จากช่างเครื่องบินสู่ช่างล้างแอร์สู้พิษโควิด-19

เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล

ท่ามกลางความยากลำบากที่หลายคนต้องประสบกับสภาวะกักตัวอยู่บ้าน นับคอยวันเวลาที่ประเทศจะกลับมาสู่ปกติให้ออกทำงานสร้างรายได้เหมือนเก่า

แต่สองหนุ่มอย่าง “บอล-ณัฐพล ขอนพวง” และ “โฟล์ค-ชุติพงษ์ สดวิไลย” ช่างเครื่องและวิศวกรเครื่องบินวัย 32 ที่ถูกปลดระวางโดยจำเป็น ฉวยความว่างที่มีในแต่ละวันตั้งทีมเปิดบริการล้างแอร์ เริ่มจากเล็กๆ ในหมู่บ้านก่อนจะขยายวงออกไปนอกพื้นที่

จนเงินร้อยที่ว่าหายากในเวลานี้ เขามีได้กันเป็นพันกันทุกวัน  เขาทำกันได้อย่างไร เวลาแบบนี้คิดด้วยอะไรถึงทำได้ ต่อไปนี้คือสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติและใช้มันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

ฤดูโรคระบาด ‘ต้องแก้ที่ตัวเรา’

“ล้มแล้วต้องลุกให้ไวไม่มีอะไรมากเลย เราต้องสร้างแรงจูงใจให้ตัวเองหามุมมองอย่างอื่นทำที่ทำได้เวลาล้ม ที่สำคัญคือเปิดโอกาสให้ตัวเอง เราควรให้โอกาสตัวเองลองทำอะไรใหม่ๆ ดู” ช่างบอลช่างดูแลเครื่องบินผู้ชักชวนช่างโฟล์ควิศวกรสายการบินที่ผันตัวเองมาเป็นช่างแอร์บอกแนวคิดการผ่านวิกฤต

ภายหลังเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมาทุกสายการบินไม่มีผู้โดยสารเป็นเหตุให้ต้องลดไฟท์บิน เที่ยวบินและในที่สุดก็ยกเลิกการบินทั้งหมด เงินเดือนๆ ที่เคยได้เกือบแสนบาท ถูกพิษเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้าเล่นงานจนกระทั่งกลายเป็นผู้ว่างงานจำเป็นมีเงินเข้าต่อวันเป็นศูนย์

“มันก็เครียดนะ แต่ถ้ามานั่งเครียดมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา อย่างโฟลค์มีครอบครัวก็มีรายจ่ายสูงกว่าผมที่โสด ภาระอยู่ข้างหลังทั้งลูก ภรรยา แม่และอา ก็ต้องเปิดโอกาสให้ตัวเอง เพราะตราบใดที่เรายังไม่ได้ให้โอกาสตัวเอง มันไม่ได้แก้ปัญหาอะไร”

การจะมานั่งทุกข์ไม่ได้ มั่วแต่โทษวิกฤตที่เล่นงานไปมันก็ไม่สามารถแก้ไขได้ มีแต่จะพาลงให้แย่ ดังนั้นวิธีเดียวคือดีดตัวขึ้นมาเท่านั้น ซึ่งช่างบอลในระหว่างที่ล้างแอร์ให้เพื่อนวิศวกรก็พูดคุยปรึกษากันก่อนจะชักชวนกันเริ่มปฏิบัติการเป็นช่างล้างแอร์ จนเกิดเป็นการก่อสร้างรายได้ตกสูงเฉลี่ยถึงวันละ 1,000 บาท ต่อคน ให้ห้วงวิกฤตเช่นนี้

“บอลโอเคเพราะได้เท่าๆ กับตอนทำงาน” โฟล์คเผยด้วยรอยยิ้มกับเงินก้อนแรกในภาวะเชื้อไวรัสโควิดซึ่งแม้รายได้อาจจะไม่เท่าเดิม แต่เขากลับมีความสุข

“รายได้จะไม่เท่าเดิม งานก็หนักกว่า ช่างแอร์ไม่ใช่ล้างๆ แล้วเสร็จ ไม่ใช่งานเล็กๆ รายละเอียดงานก็มีหลายขั้นตอนเพื่อให้ลูกค้าพอใจในการบริการ มันก็แฮปปี้ เพราะมันเป็นอะไรที่แบบสิ่งใหม่ๆ ที่ลองแล้วมันได้ผล”

ฤดูร้อนคนเปิดแอร์เยอะ

“นอนหัวร้อนอยู่บ้าน อากาศก็ร้อน คนอื่นก็ต้องร้อนแบบเรา และอีกอย่างการที่เรานานๆ เปิดแอร์จากที่ไม่เคยเปิดทั้งวัน เครื่องมันก็อาจจะเสียได้ ก็คิดว่าล้างแอร์ดีที่สุด จากที่โฟล์คคิดว่าจะทำอาชีพ ขับส่งอาหาร ทำกับข้าวขาย แต่การล้างแอร์เรามีประสบการณ์เริ่มทำช่วงวันหยุดตั้งแต่เดือนมกราคม มันก็ตอบโจทย์ทั้งความถนัดและความต้องการแถมปลอดภัย” บอลเผย

โดยที่คิดราคาโปรโมชั่นค่าจ้างเพียงตัวละ 350 บาท จากเดิม 400 หากล้าง 3 ตัวขึ้นไป คิดตัวละ 300 บาทเท่านั้น ขณะที่หากอยากฆ่าโควิดก็มีบริการเสริม คือ พ่นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อให้ด้วย โดยคิดค่าบริการเพิ่มตัวละ 100 บาท เพราะเข้าใจเวลานี้เราทุกคนต่างได้รับผลกระทบ แม้มีคนมาว่าทำตลาดเสียแต่ก็ยอมแบกไว้

“หัวอกเดียวกัน ลองเอาใจเข้าไม่มีเงินแต่อยากล้างป้องกันตัวเอง จะคิดแพงไปทำไม” เขากล่าว “ตอนนี้วันหนึ่งที่ให้บริการตก 6 เครื่อง ก็ค่อยๆ ไปตามสเต็ป มีลูกค้าโทรเข้ามาเยอะมาก ไม่ได้รับสายเพราะเวลาทำงานจริงจังด้วยจิตวิญญาณช่างที่เรามีและการมองโอกาส

“เราต้องอย่ากลัว คนแทบทุกคนไม่ให้โอกาสตัวเองลองสิ่งใหม่ๆ เพราะว่ากลัว ไปทำแล้วมันจะไม่ดี คิดไปก่อนยังไม่ได้ลงมือทำแค่นั้นเอง ให้คิดแล้วต้องลงมือทำ ตัวผมทุกครั้งกลับจากทำงานมานั่งหน้าบ้านวันนี้ทำอะไรไปบ้าง แล้วเราจะทำอะไรต่อพรุ่งนี้ เราอย่าไปกลัวการเปลี่ยนแปลง ใจหวิวๆ มันมีตอนเราจะทำ คิดถึงศักดิ์ศรีหรือหัวโขนกินไม่ได้ เมื่อก่อนเราก็เป็นข้าราชการ นอกราชการก็ประชาชนคนหนึ่ง มันก็เหมือนกัน”  

ฤดูฝนมาฟ้าจะสดใส

ช่างบอลและช่างโฟล์คต่างบอกว่าในโลกนี้มันมีอะไรแน่นอน ชีวิตเหมือนเส้นกราฟ จังหวะที่ขึ้นก็ขึ้นเลย ลงก็ลงเลย แต่ตอนลงเราจะรับมือมันยังไงให้ได้

“มันก็เหมือนกับอาชีพช่าง ก่อนจะซ่อมต้องเช็คดูอาการก่อนว่าเสียตรงไหน ทั้งหมดมันก็อยู่ที่ความคิดและใจเราเองล้วนๆ ถ้าคิดจะเปิดไม่มีอะไรมาปิดให้เราแก้ไข”

สองช่างหนุ่มบอกกับเราในเวลานี้ให้มองหาใช้ความความถนัดที่มี เป็นต้นว่า ถ้ามีความสามารถด้านการค้าขายก็ทำตลอดออนไลน์ในช่วงเวลานี้ที่คนกลุ่มใหญ่มีเวลาอยู่บ้าน จังหวะนี้ให้รุดทำการตลาดและโฆษณา หรือหากมีทักษะช่างก็เอาวิชานั้นมาให้ตั้งป้ายขึ้นให้บริการ มันต้องมีสักทางที่สร้างรายได้สักหนึ่งทาง

“อย่าคิดมาก คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ต้องลงมือก่อน ถึงจะรู้ว่ามันเป็นไปได้ไหม” ทั้งคู่เผยด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกับที่ตัวเขาทั้งสองก้าวผ่านมาแล้วในจุดนี้ ที่ความเครียดหายเป็นปลิดทิ้งหลังได้ลุกและลองเปิดประสบการณ์ใหม่แทนการท้อถอยกับสภาวะที่เจอ โดยเขาหวังว่าเรื่องราวของเขานั้นอาจจะเป็นส่วนช่วยให้อีกหลายๆ คนได้ลุกขึ้นมาได้ไม่ต่างจากเขาทั้งสองคน

“แผนในอนาคตถ้าเข้าสู่ภาวะปกติก็กลับไปทำงาน ทั้งคู่  แต่ก็คุยกันจะไม่ทิ้งการล้างแอร์ตรงนี้ วันหยุดเราก็จะรวมทีมทำกันเหมือนเดิม เพราะตรงนี้ทำให้เราอยู่ได้ สุดท้ายก็ขอให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤตนี้กันนะครับ” ทั้งคู่กล่าว