posttoday

ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3 จว.ชายแดนใต้ อีก 3 เดือน "บิ๊กป้อม" กำชับเข้มงวดด้านการข่าว

04 มีนาคม 2564

ประวิตร ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 3 เดือน20 มี.ค.ถึง 19 มิ.ย. กำชับเข้มงวดงานด้านการข่าว

เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 64 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุม คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 1/2564 โดยที่ประชุมรับทราบผลการปฏิบัติงานตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ระหว่างวันที่ 20 ธ.ค.63 ถึงวันที่ 20 ก.พ.64 ซึ่งในภาพรวมมีสถานการณ์ ที่ดีขึ้น เหตุการณ์การก่อเหตุรุนแรง มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ประชาชนในพื้นที่ ได้รับการดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงพร้อมทั้ง มีความเข้าใจถึงความจำเป็น ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยได้ให้การสนับสนุน และให้ความร่วมมือ เป็นอย่างดีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์ด้านการข่าว พบว่าผู้ก่อเหตุความรุนแรง ยังมีสิ่งบอกเหตุที่อาจจะก่อให้เกิด ความเสียหายร้ายแรงรูปแบบอื่นๆในพื้นที่ จึงยังมีความจำเป็นที่จะต้องคงการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต่อไปอีก

“จากการประเมินสถานการณ์ด้านการข่าว พบว่าผู้ก่อเหตุความรุนแรง ยังมีสิ่งบอกเหตุที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงรูปแบบอื่นๆในพื้นที่ จึงยังมีความจำเป็นที่จะต้องคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปอีก ขณะเดียวกันที่ประชุมยังได้รับทราบ เรื่องที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ดำเนินการจัดทำแผนการปรับลดพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการส่งเสริมให้มีการสร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่ประชาชนในพื้นที่อีกด้วย” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้มีการพิจารณาเห็นชอบตามที่ กอ.รมน.ภาค 4 เสนอขอขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้น อ.แม่ลาน , อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี , อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.สุไหงโก-ลก , อ.สุคิริน , อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ออกไปอีก 3 เดือนตั้งแต่ 20 มี.ค.64 ถึง 19 มิ.ย.64 (ครั้งที่ 63) เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ให้มีความต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพต่อไป

โดย พลเอก ประวิตร ได้กำชับฝ่ายความมั่นคงให้เข้มงวดงานด้านการข่าว และให้มีการประเมินพื้นที่อย่างละเอียด รอบคอบ ทั้งสถิติการก่อเหตุ การสูญเสีย และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม ต้องดํารงการบูรณาการทำงานร่วมกัน ระหว่างทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง อย่างแน่นแฟ้น พร้อมกล่าวขอบคุณกำลังพลในพื้นที่ทุกนายที่ตั้งใจปฏิบัติภารกิจ ด้วยความทุ่มเท เสียสละเพื่อประเทศชาติ พร้อมเป็นกำลังใจให้บรรลุภารกิจ ด้วยความปลอดภัยกันทุกคน