posttoday

ศาลอุทธรณ์ยื่นสั่งจำคุก8เดือน"พระพรหมดิลก"ให้รอลงอาญา1ปี

02 มีนาคม 2564

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 8 เดือน"พระพรหมดิลก"อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา คดีร่วมกับอดีตผอ.สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติทุจริตจัดสรรงบ แต่ศาลเห็นเคยประกอบคุณงามความดีบำรุงพระศาสนาให้รอลงอาญา 1 ปี

เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ คดีทุจริตการจัดสรรเงินงบประมาณ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) สำนวนหมายเลขดำ อท.254/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพนม ศรศิลป์ อายุ 62 ปี อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.), นายบุญเลิศ โสภา อายุ 55 ปี อดีต ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา พศจ.ลำปาง, นายแก้ว ชิดตะขบ อายุ 55 ปี อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนศึกษา, นางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร อายุ 52 ปี อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนศึกษา และพระพรหมดิลก หรือนายเอื้อน กลิ่นสาลี อายุ 76 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา/กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.)/เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เป็นจำเลยที่ 1-5

ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่น โดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารฯ ทำการรับรองหลักฐานเป็นเท็จ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 162 ประกอบมาตรา 83, 86 กรณีกล่าวหาทุจริตการจัดสรรงบในส่วนอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาประจำปีงบประมาณ 2557 วงเงิน 5 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 26 พ.ย. 46 - 15 ส.ค.57 โดยอัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 22 ต.ค.61

ขณะที่ ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 5 มี.ค.63 เห็นว่า จำเลยที่ 1-4 มีความผิดมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ให้จำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน โดยจำเลยที่ 1, 3, 4, 5 คำให้การเป็นประโยชน์ในชั้นพิจารณาคดีอยู่บ้างเห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1, 3, 4 คนละ 12 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุกเป็นเวลา 9 เดือน ส่วนอดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา จำเลยที่ 5 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำผิด มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 จำคุก 1 ปี และปรับ 12,000 บาท คำให้การเป็นประโยชน์ในชั้นพิจารณาคดีอยู่บ้างเห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 8 เดือน และปรับ 8,000 บาท โดยศาลเห็นว่า เคยประกอบคุณงามความดีในด้านพุทธศาสนา จบการศึกษาระดับปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยพาราณสี ประเทศอินเดีย ทะนุบํารุงการศึกษาด้านพระพุทธศาสนา อีกทั้งไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกนั้นจึงให้รอการลงโทษ (รอลงอาญา) ไว้มีกำหนด 1 ปี ต่อมา พระพรหมดิลก จำเลยที่ 5 ยื่นอุทธรณ์คดีเพียงคนเดียว

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา จำเลยที่ 5 มาศาลพร้อมฟังคำพิพากษา โดยมีคณะสงฆ์และฆราวาสติดตามเดินทางมาร่วมให้กำลังใจด้วย ขณะที่ ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า ประเด็นที่จำเลยที่ 5 ยื่นอุทธรณ์ทุกข้อฟังไม่ขึ้น จึงมีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คงจำคุก 8 เดือนและปรับ 8,000 บาท โดยโทษจำคุกนั้นให้รอลงอาญาไว้ มีกำหนด 1 ปี

ภายหลังฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์แล้ว นายอรรณพ บุญสว่าง ทนายความของพระพรหมดิลก เปิดเผยว่า พระพรหมดิลกได้อุทธรณ์ว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการสนับสนุนการกระทำผิด แต่ศาลอุทธรณ์?ฯ เห็นว่าจำเลยเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ สามารถใช้อำนาจในการตรวจสอบงบประมาณต่าง ๆ ได้ ศาลจึงไม่เชื่อว่าจำเลยที่ 5 ไม่ทราบ หรือไม่มีการตรวจสอบให้รอบคอบได้ จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เบื้องต้นทีมทนายความจะปรึกษากันแล้วจะพิจารณาเรื่องการยื่นขอสู้คดีในชั้นศาลฎีกาต่อไป

นายอรรณพ กล่าวว่า พระพรหมดิลก มีคดีเกี่ยวกับเงินทอนวัดอีก 2 คดี โดยคดีที่ถูกกล่าวหาว่าฟอกเงิน ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องไปเมื่อเดือน ก.ย.63 และศาลออกเอกสารรับรองสิ้นสุดคดีความไปเมื่อเดือน ก.พ.64 ส่วนอีกคดีเป็นการฟ้องในศาลแพ่งซึ่งทนายได้ยื่นคำร้องต่อศาล เนื่องจากคดีอาญาฟอกเงินได้ถึงที่สุดแล้ว ขณะที่ชั้นอุทธรณ์คดีของศาลแพ่งยังไม่มีคำสั่งใด ๆ ลงมา