ศบค.ไฟเขียวจำหน่าย-นั่งดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ถึงห้าทุ่ม

เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 64 ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมเป็นประธาน ได้เห็นชอบมาตรการผ่อนคลายให้มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบนั่งดื่มในร้านอาหาร สถานบันเทิง ผับบาร์ ได้ทั่วประเทศ รวมทั้งสามารถให้แสดงดนตรีภายในร้านได้ โดยให้จำหน่ายได้ถึงเวลา 23.00 น. ของแต่ละวัน แต่ยังห้ามเต้นรำ

ทั้งนี้ยกเว้นจังหวัดสมุทรสาครโดยร้านอาหารให้เปิดบริการได้ไม่เกิน 21.00 น. นั่งรับประทานอาหารในร้านได้ แต่ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้าน รวมทั้งยังให้ปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์

นอกจากนี้ยังมีมติต่ออายุ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ออกไปอีก 1 เดือนไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค.64 จากเดิมที่หมดอายุในวันที่ 28 ก.พ.64 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมฯ มีมติขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ออกไปถึงวันที่ 31 มี.ค.2564

นอกจากนี้ได้เห็นชอบมาตรการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยปรับระดับของสถานการณ์ให้เป็นพื้นที่สีเขียวมากขึ้น คือ มีความปลอดภัยมากขึ้น คงเหลือพื้นที่สีแดงไว้ที่จังหวัดสมุทรสาครเพียงจังหวัดเดียว

ที่ประชุมยังรับทราบการจัดการแข่งขันกีฬาเจ็ตสกีอาชีพ เป็นผลสืบเนื่องจากต่างประเทศไว้ใจหลังจากไทยจัดการแข่งขันแบดมินตันระดับนานาชาติประสบผลสำเร็จ ซึ่งหลังจากนี้จะมีกิจกรรมหลายๆอย่างที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น แต่ยังคงต้องรักษามาตรการสาธารณสุขของไทยไว้

ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค.มีมติเห็นชอบให้เหลือพื้นที่สีแดงเพียงจังหวัดเดียวคือจังหวัดสมุทรสาคร ส่วนสีส้ม เหลือ 8 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี ราชบุรี ตาก สีเหลือง 14 จังหวัด สีเขียว 54 จังหวัด

ทั้งนี้ทุกจังหวัดสามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน สามารถเล่นดนตรีสดได้ จนถึงเวลา 23.00 น. แต่ห้ามเต้นรำ ยกเว้นสมุทรสาคร

ส่วนศูนย์การค้าเปิดได้ตามปกติ สำหรับสถานศึกษาสามารถเปิดได้ตามปกติและผสมผสาน ในส่วนสถานที่ออกกำลังกายเปิดได้ตามปกติ แต่การแข่งขันยังคงจำกัดผู้ชม

อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อกำหนดในการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นให้อำนาจแต่ละจังหวัดเป็นผู้ประกาศ