posttoday

ป.ป.ส.เปิดผลสอบยึดของกลาง1.2ตันกลางเมืองแปดริ้ว

15 ธันวาคม 2563

ป.ป.ส.สรุปผลตรวจวัตถุต้องสงสัย 493 กระสอบในโกดังกลางเมืองฉะเชิงเทราพบเป็นสาร"คีตามีน"แค่ 1.2 กรัมปนเปื้อนแคลเซียมคาร์บอเนตเชื่อมีขบวนการเปลี่ยนถุงส่งไต้หวัน

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ ที่ปรึกษา บช.ปส. , น.ส.กัญญนันท์ คงภัสนิธิโรจน์ ผอ.สถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด ป.ป.ส. ผู้แทนสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมแถลงสรุปผลการตรวจพิสูจน์วัตถุของกลางในคดีที่มีการจับยึดวัตถุของกลางบรรจุกระสอบ จำนวน 493 กระสอบ ในบริเวณโกดังเก็บของ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

นายวิชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากทางการประเทศไต้หวันจับกุมผู้ต้องหาขนยาเสพติดข้ามชาติและประสานมายัง ป.ป.ส เพราะพบหลักฐานจากโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาเชื่อมโยงกับโกดังเก็บของ จ.ฉะเชิงเทรา จากนั้นเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจยึดสารต้องสงสัยในโกดัง จำนวน 493 กระสอบ เบื้องต้นในที่เกิดเหตุได้พิสูจน์กับชุดทดสอบสารเคมีพบว่าสารต้องสงสัยให้ผลเป็นสีม่วง พร้อมส่งเข้าห้องปฏิบัติการที่สำนักงาน ปปส.ภาค 1 อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เพื่อยืนยันผลชัดเจนอีกครั้ง โดยบูรณาการระหว่าง 3 หน่วยงาน ได้แก่ ป.ป.ส. , กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ร่วมกันตรวจสอบจำนวน น้ำหนัก และดำเนินการตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดในห้องปฏิบัติการ

ป.ป.ส.เปิดผลสอบยึดของกลาง1.2ตันกลางเมืองแปดริ้ว

ทั้งนี้ ผลการตรวจพิสูจน์เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2563 และการสืบสวนของเจ้าหน้าที่สืบสวนสามารถสรุปได้ ดังนี้ ของกลางทั้งหมดถูกวางอยู่ภายในโกดัง กระจายอยู่ในบริเวณใกล้กัน แบ่งออกเป็น 4 จุด คือ จุดที่ 1 เป็นกระสอบสีขาว มีการเย็บปากถุงไว้แบบหลวมๆ จำนวน 66 กระสอบ น้ำหนักรวม 1,664 กิโลกรัม พบเป็นสารไตรโซเดียมฟอสเฟต จุดที่ 2 เป็นกระสอบสีขาว เย็บปากถุงไว้อย่างแน่นหนา จำนวน 200 กระสอบ น้ำหนักรวม 5,109 กิโลกรัม พบเป็นสารไตรโซเดียมฟอสเฟต จุดที่ 3 เป็นกระสอบสีฟ้า-ขาว เย็บปากถุงไว้อย่างแน่นหนา จำนวน 200 กระสอบ น้ำหนักรวม 5,020 กิโลกรัม พบเป็นสารไตรโซเดียมฟอสเฟต

สำหรับ จุดที่ 4 เป็นกระสอบคละลาย จำนวน 27 กระสอบ น้ำหนักรวม 656 กิโลกรัม โดยแต่ละกระสอบถูกเปิดปากถุงไว้ และมีสารบรรจุอยู่ไม่เต็มถุง พบเป็นสารไตรโซเดียมฟอสเฟต 15 กระสอบ นอกจากนี้ในกระสอบทั้งหมดพบ 12 กระสอบ น้ำหนักรวม 301 กิโลกรัม เป็นสารแคลเซียมคาร์บอเนต และตรวจพบคีตามีน จำนวน 1.2 กรัม ปนเปื้อนในสารดังกล่าวในปริมาณที่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยการสืบสวนเชื่อว่าเป็นการโยกย้ายคีตามีนใส่ในถุงใหม่ เพื่อส่งไปไต้หวัน เนื่องจากปริมาณสารที่พบใน 12 กระสอบเท่ากับคีตามีนที่พบในไต้หวัน 300 กิโลกรัม โดยสารไตรโซเดียมฟอสเฟตและสารแคลเซียมคาร์บอเนต นำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรม แต่ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดแต่อย่างใด

นายวิชัย กล่าวว่า ส่วนการดำเนินคดี ป.ป.ส. ร้องทุกข์กล่าวโทษ บช.ปส.ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 แยกออกเป็น 2 คดี คือ 1.ทางการไต้หวันได้จับกุมผู้ต้องหาและตรวจยึดคีตามีนที่ส่งไปจากประเทศไทย ถือว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ต้องส่งเรื่องไปอัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินการ และ 2.กรณีที่ตรวจพบคีตามีนจากโกดัง สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ส่งผลการตรวจให้พนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ต้องสงสัย ในข้อหามีคีตามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายไว้อีกส่วนหนึ่งแล้ว นับเป็นคดีในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้กำลังขยายผลติดตามกลุ่มผู้ต้องสงสัย แบ่ง 3 กลุ่ม คือ คนเฝ้าโกดัง คนเช่าโกดัง และ คนติดต่อส่งของไปไต้หวัน ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในทางสืบสวนนั้น พบว่า รูปแบบทางกายภาพของสารไตรโซเดียมฟอสเฟต และสารแคลเซียมคาร์บอเนต และคีตามีน มีลักษณะใกล้เคียงกัน ผู้ค้าจึงเลือกใช้วิธีการอำพรางในลักษณะเช่นนี้มาใช้ จากการข่าวที่ทางการไต้หวันแจ้งมายัง ป.ป.ส.พบสารเคตามีน 300 กิโลกรัม ปะปนมากับสารเคมีทั้ง 2 ชนิด ซึ่งลักษณะที่พบในไทยจากข้อมูลที่มีเชื่อว่าผู้ค้าได้สลับสับเปลี่ยนถุงที่ใส่คีตามีนมาใส่ในถุงแคลเซียมคาร์บอเนตและนำหนีออกไป ก่อนส่งถุงที่ ป.ป.ส.พบสารปนเปื้อนกลับมา

“จากการตรวจสอบสารไตรโซเดียมฟอสเฟตและสารแคลเซียมคาร์บอเนต ไม่ถือว่าเป็นสารตั้งต้นที่ใช้ในการผลิตสารเสพติด เนื่องจากยังไม่เคยตรวจเจอการประมวลผลของสารทั้ง 2 ชนิดในยาเสพติดชนิดอื่น และสารทั้ง 2 ชนิดไม่ถือว่าเป็นยาเสพติดเช่นเดียวกัน” เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าว