posttoday

สสส. ชี้ดัชนีความสุขคนทำงานยุคโควิด “กายและใจ” ไปพร้อมกัน

15 ธันวาคม 2563

สสส. ร่วมกับ รัฐสภา และสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์ฯสร้างสุขภาวะองค์กรปีที่5 ย้ำความสุขคนทำงานต้องควบคู่กายใจ พร้อมส่งต่อความยั่งยืนในสังคม

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  กล่าวว่า พันธกิจหลักของ สสส. ในฐานะองค์กรมีหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุนสุขภาวะที่ดี ทั้ง 4  ด้าน คือ ร่างกาย จิตใจ ปัญญา และ สังคม โดยเฉพาะภายในสถานที่ทำงาน ด้วยพบว่าคนส่วนใหญ่ต่างใช้เวลามากกว่า 50% ของแต่ละวันในสถานที่ทำงาน โดย สสส. มีแผนดำเนินงานเพื่อสร้างสุขภาวะองค์กรที่ดีในทั่วประเทศโดยเฉพาะในกลุ่มบุคลากรต่างๆซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการส่งเสริมด้านสุขภาพ

ทั้งนี้ สสส. ร่วมกับ สำนักบริการทางการแพทย์ประจำรัฐสภาและ สำนักวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัด โครงการพัฒนาองค์กรสุขภาวะต้นแบบ: การสร้างเสริมสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตการทำงานบุคลากร ในวงงานรัฐสภา ด้วยตระหนักถึงความสำคัญต่อการส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะองค์กรที่ดี โดยเฉพาะเพื่อหลีกเลี่ยงและป้องกันความสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อาทิโรคเบาหวานความดันโลหิตสูงโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจหรือภาวะน้ำหนักเกินมาตรฐานเป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาสื่อด้านสุขภาพ เพื่อใช้เป็นคู่มือเพื่อนำไปปฏิบัติด้านสุขภาวะ และสอดล้องกับสถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ปัจจุบัน ที่ทาง สสส. ร่วมกับ กรมอนามัย และ กระทรวงสาธารณสุข ให้กับกลุ่มเป้าหมายหลัก บุคลากรในวงงานรัฐสภา จำนวนกว่า 3,000 รายและกลุ่มเป้าหมายรองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสื่อมวลชนอีกจำนวนหนึ่ง

ดึงผลสำรวจแก้ไขโรคเรื้อรังในบุคคลากร

นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กิจกรรมฯดังกล่าวได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสสส. ดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ในระยะ(เฟส)ที่ 3 โดยจัดทำโครงการพัฒนาองค์กร สุขภาวะต้นแบบ : การสร้างเสริมสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตการทำงานบุคลากร ในวงงานรัฐสภา ภายใต้สำนักบริการทางการแพทย์ประจำรัฐสภา มีเป้าหมายเพื่อให้บุคลากรมีสุขภาพที่ดี สามารถทำงาน ได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยได้ผลลัพธ์ คือ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นองค์กรสุขภาวะ

โดย สำนักบริการทางการแพทย์ประจารัฐสภา ร่วมกับ สสส. จัดทำโครงการพัฒนาองค์กรสุขภาวะต้นแบบฯโดยอิงจากผลการสำรวจข้อมูลสุขภาพบุคลากรในวงงานรัฐสภาพบว่าส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่มีปัญหาสุขภาพมีสาเหตุหลักจากพฤติกรรมสุขภาพขาดการใส่ใจดูแลควบคุมป้องกันปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพซึ่งหากได้รับความรู้เกี่ยวกับแนวทางการดูแลสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจที่ถูกต้องเหมาะสมจะเป็นการป้องกันกลุ่มเสี่ยงให้กลับไปสู่กลุ่มปกติได้

ส่งต่อสร้างสุขภาวะองค์กรยั่งยืน

ดร.ศิริเชษฐ์ สังขะมาน อาจารย์ประจำสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีทื่5 หลังจากบรรลุวัตถุประสงค์ และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ต่อการสร้างสุขภาวะองค์กรในบุคคลากรวงในวงงานรัฐสภา โดยอิงจากปัจจัยผลสำรวจทางสุขภาพของบุคคลากร ที่พบว่าส่วนใหญ่ประสบปัญหาจากความเครียดในการทำงานสะสม และสัมพันธ์กับพฤติกรรมการบริโภคไม่เหมาะสม ทำให้นำไปสู่ภาวะการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs  รวมถึงโรคแพร่ระบาดในปัจจุบัน อย่างโควิด -19 ด้วยเช่นกัน

สำหรับเป้าหมายกิจกรรมฯดังกล่าวจากนี้ไป นอกเหนือจากการสร้างบุคคลต้นแบบนักสร้างสุของค์กรได้เป็นไปตามแผนแล้ว ขณะเดียวกันยังจะสามารถขยายผลต่อไปในเชิงนโยบายของภาครัฐ ไปด้วยพร้อมกัน ผ่านกิจกรรมต้นแบบการสร้างสุขภาวะองค์กรบุคคลากรในวงงานรัฐสภา ที่จะเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้การสร้างสุขทั้งกายและใจต่อไปยังคนรอบข้างต่อไปได้อย่างยั่งยืนและเป็นไปตามวัตถุประสงค์หลักของสสส. ในการรณรงค์ให้คนไทยมีสุขภาพที่แข็งแรงทั้งกายและใจ