posttoday

อาจารย์มธ.หอบตำราเรียนส่งให้" รุ้ง-เพนกวิ้น" ในเรือนจำ

26 ตุลาคม 2563

"ประจักษ์ ก้องกีรติ" อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ นำหนังสือเรียนส่งให้ "รุ้ง-เพนกวิ้น" ในเรือนจำ แถลงขอศาลให้ประกันตัว เหตุมีภาระต้องเรียนและมีโรคประจำตัว

เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 63 นายประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกลุ่มคณาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เดินทางเข้าเยี่ยม น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง และนายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือเพนกวิ้น แกนนำกลุ่มคณะราษฎร

นายประจักษ์ ได้อ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้ปล่อยตัวนักศึกษาและประชาชนที่ถูกคุมขัง ระบุว่า คณาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ติดตามการชุมนุมและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างใกล้ชิดด้วยความห่วงใยต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยของนักศึกษาและประชาชน โดยเฉพาะ น.ส.ปนัสยา และนายพริษฐ์ จึงเรียกร้องต่อเจ้าหน้าที่รัฐใน 3 ประเด็น คือ

1.ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่อนักศึกษาที่อยู่ในเรือนจำอย่างเป็นธรรมและดูแลสวัสดิภาพให้ด้วยเนื่องจาก นักศึกษาเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหายังไม่ได้มีความผิดตามกฎหมายและอยู่ระหว่างกำลังศึกษา และให้เข้าถึงหนังสือ ตำราเรียนและคำบรรยายที่เพื่อนและคณาจารย์ส่งให้ เพื่อที่จะได้ศึกษาไปพร้อมกับการทำหน้าที่พลเมืองในระบอบประชาธิปไตย

2.ขอให้ศาลพิจารณาให้ได้รับการประกันตัว เนื่องจากนักศึกษายังมีภาระต้องเข้าเรียนนำเสนองานและสอบให้ครบตามกำหนด หากไม่ได้รับการประกันตัวจะกระทบต่อสถานภาพและอนาคตทางการศึกษาอย่างร้ายแรง นอกจากนี้ทั้ง 2 คนยังมีโรคประจำตัว หากถูกกักขังในเรือนจำแออัด อาจทำให้เกิดอาการกำเริบของโรคจนเป็นอันตราย

3.ขอเรียกร้องให้สังคมเคารพการแสดงออกของนักศึกษา หยุดสร้างวาทกรรมเกลียดชังหรือการยุยง ปลุกปั่น ด้วยข้อมูลที่เป็นเท็จต่อการชุมนุมเคลื่อนไหวของนักศึกษา ซึ่งมีแนวโน้มที่จะนำสังคมไปสู่ความรุนแรง สังคมควรตระหนักว่าการเคลื่อนไหวของนักศึกษาเป็นการใช้สิทธิตามหน้าที่พลเมืองในระบอบประชาธิปไตยเช่นเดียวกับผู้ชุมนุมชุมนุมกลุ่มอื่น ๆ ทั้งที่เห็นต่างและเห็นตรงกับนักศึกษา

ทั้งนี้หลังจากอ่านแถลงการณ์เสร็จสิ้น นายประจักษ์ กล่าวว่าที่ผ่านมามีเพียงทนายความเท่านั้นที่ได้เข้าเยี่ยม น.ส.ปนัสยาและนายพริษฐ์ ส่วนอาจารย์และผู้ปกครองยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยม คณาจารย์จึงนำหนังสือและเอกสารการเรียนมาให้ เพราะทั้ง 2เป็นห่วงเรื่องการเรียน อีกทั้งยังมีโรคประจำตัวโดยนายพริษฐ์ป่วยเป็นโรคโรคหืดหอบ ขณะที่น.ส.ปนัสยาเป็นโรคไมเกรน

ส่วนการประกันตัวทางทนายความจะยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวอีกครั้ง หากเทียบเคียงกับการที่ศาลปล่อยชั่วคราวไผ่ดาวดินแล้ว ไม่มีการกำหนดเงื่อนไข จึงหวังว่าทั้ง 2 จะได้รับบรรทัดฐานเดียวกัน คือ การปล่อยชั่วคราวโดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไข

"นักศึกษาชุมนุมโดยสันติวิธี ไม่มีความวุ่นวาย หากตำรวจไม่มากดดัน เด็ก ๆ ประกาศยุติชุมนุมเอง เป็นการแสดงออกทางความคิด ไม่ใช่ก่ออาชญากรรมร้ายแรง และtเป็นการต่อสู้เพื่อปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น ถ้าทุกฝ่ายเคารพการเคลื่อนไหวของนักศึกษา เราจะไม่เห็นการสลายการชุมนุมเหมือนอย่างเช่นวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา หวังว่ารัฐจะได้รับบทเรียนแล้วว่ายิ่งใช้ความรุนแรงกับนักศึกษาคนก็จะมาร่วมชุมนุมมากขึ้น"

นายประจักษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาม็อบชนม็อบเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง เพราะในอดีตเหตุการณ์วันที่ 6 ต.ค.19 มีการปลุกระดมความเกลียดชังนักศึกษา ปลุกม็อบขึ้นมาชนม็อบ หวังว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันสังคมไทยมีความเห็นต่างทางการเมือง การเคลื่อนไหวของนักศึกษาเป็นไปอย่างสงบสันติ แต่หากมีการปลุกม็อบมาชนม็อบอย่างเช่น กรณีที่มีการทำร้ายนักศึกษารามคำแหงด้วยการทุ่มลำโพงจนได้รับบาดเจ็บนั้น รัฐต้องดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน