ป่วยโควิดอีก 7 ราย กลับจากต่างประเทศ อยู่ใน State Quarantine

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีเนื้อหาสรุปดังนี้

-พบผู้ป่วยรายใหม่ 7 ราย / ยอดผู้ป่วยสะสม 3,246 ราย

-ผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 7 ราย เป็นผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศและเข้าสู่ State Quarantine จำแนกได้ดังนี้

-สหรัฐอเมริกา 2 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 64 ปี อาชีพแม่บ้าน และชายไทย อายุ 66 ปี เป็นข้าราชการบำนาญ เดินทางมาถึงไทยวันที่ 11 ก.ค.เข้าพัก State Quarantine ที่กทม.และตรวจหาเชื้อในวันที่ 15 ก.ค.ผลตรวจพบเชื้อ โดยผู้ป่วยหญิง มีอาการคอแห้ง และผู้ป่วยชายมีอาการมีเสมหะ

-บาห์เรน 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 35 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงไทยวันที่ 12 ก.ค. เข้าพัก State Quarantine ที่ ชลบุรี และตรวจหาเชื้อ ในวันที่ 16 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ

-อียิปต์4 ราย ทั้งหมดเป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 20 ,24 (2 ราย) และ 29 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 17 ก.ค. โดยผ่านการคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโรค พบว่ามีอาการเข้าเกณฑ์ PUI และตรวจหาเชื้อในวันที่ 17 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ พร้อมส่งตัวเข้ารัการรักษาในโรงพยาบาลในจ.สมุทรปราการ โดยพบว่า มีอาการ คือ มีน้ำมูก ไอ เจ็บคอ

-ผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่ม 0 ราย / ยอดรักษาหายแล้วสะสม 3,096 ราย

-ผู้ป่วยกำลังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 92 ราย

-ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม / ยอดสะสมคงที่ 58 ราย

--นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในระยอง กรณี ทหารอียิปต์ 5,026 ตัวอย่าง ไม่พบเชื้อ 3,756 ตัวอย่าง รอผล 1,270 ตัวอย่าง การตรวจหาเชื้อใน กทม. จากกรณี ด.ญ.ซูดาน จากจำนวน 364 ตัวอย่าง ทั้งหมดไม่พบเชื้อ ทั้งนี้ มีข้อสรุปจากคณะกรรมการวิชาการ ของพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ ได้แจ้งว่า ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโควิด-19 คือ ผู้มีประวัติสัมผัสใกล้ชิด พูดคุย หรือคลุกคลี่กับผู้ป่วย ซึ่งในเคสของจ.ระยอง มีเพียง 12 ราย และส่วนเคสซูดาน มี 7 ราย สำหรับผู้ที่ไปสถานที่เดียวกับผู้ป่วย ถือเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ ดังนั้นท่านที่ไปสถานที่เดียวกับผู้ป่วย แต่ไม่ได้พบปะกับผู้ป่วย หรือกลุ่มทหารดังกล่าว ขอให้สบายใจได้ว่าท่านมีความเสี่ยงน้อยมากที่จะติดเชื้อ แต่หากไม่สบายใจให้เฝ้าระวังสังเกตอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีเสมหะ หรือมีไข้ เป็นเวลา 14 วัน ถ้าไม่มีอาการก็ถือว่าปลอดภัย หากมีอาการดังกล่าวให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที