ศบค. ลดด่านเคอร์ฟิว เพิ่มสายตรวจเข้าชุมชน สกัดมั่วสุม

เมื่อวันที่ 23 เม.ย. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงการจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำผิดมาตรการเคอร์ฟิว ว่า สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ของวันที่ 22 เม.ย. ถึงเวลา 04.00 น. ของวันที่ 23 เม.ย. ยังมีการทำผิดกฎหมายอยู่ โดยออกนอกเคหสถาน 617 ราย เพิ่มขึ้น 63 ราย ตักเตือน 102 ราย ดำเนินคดี 515 ราย ผู้ชุมนุมมั่วสุม 106 รายเพิ่มขึ้น 51 ราย ตักเดือน 2 รายดำเนินคดี 104 ราย โดย ทางศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขฉุกเฉินด้านความมั่นคงจะมีการปรับลดการตั้งด่านบนถนนสัญจรสายหลักลง เพราะผู้กระทำผิดตอนนี้ไปอยู่ตามในชุมชนตามบ้านมากขึ้น ดังนั้นจึงจะไปเพิ่มสายตรวจชุมชนแทน ประชาชนสามารถแจ้งได้หากพบการมั่วสุม สามารถแจ้งที่หมายเลขโทรศัพท์ 1599 หรือหมายเลข 191 ได้เลย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิวอย่างเด็ดขาดต่อไป แต่ขอร้องอย่าเป็นการกลั่นแกล้งกัน

"สิ่งสำคัญที่สุด คือ เจ้าหน้าที่ต้องการให้ประชาชน ลด ละ เลิก กิจกรรมที่สุ่มเสี่ยง แต่หากพบเป็นกรณีเล่นการพนัน ก็ยอมไม่ได้ ต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ส่วนหากพบเป็นกรณีอื่นๆ ก็จะดูเป็นกรณีไป อาจจะเป็นแค่การตักเตือนเท่านั้นก็ได้" โฆษกศูนย์โควิด กล่าว

เมื่อถามว่า ประชาชน เริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติแล้วในช่วงนี้ จะมีมาตรการป้องกันตนเองกันอย่างไร แล้ว โฆษกศูนย์โควิด กล่าวว่า ขอให้ประชาชนทุกท่านมีความตระหนักอยู่เสมอ ท่านอย่าเพิ่งผ่อนมาตรการต่างๆ ลงไป ออกไปไหนควรสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ สัมผัสสิ่งใดแล้วอย่าเอามาสัมผัสใบหน้าของตัวเอง แล้วต้องพยายามล้างมือบ่อยๆ เน้นกินร้อน ช้อนตัวเอง ล้างมือ ตัวท่านเองดูแลตัวเองดีที่สุด ยังยืนยันยังต้องปฏิบัติตัว "การ์ดอย่าตก" ในระยะยาว

เมื่อถามว่า มีข่าวว่า จะมีการปลดล็อก 32 จังหวัด 1 พ.ค.นี้ น.พ.ทวีศิลป์ ยืนยันว่า ผอ.ศบค. ยังให้ไปศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนก่อน แนวโน้มยืดระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ แน่นอน แต่จะมีการผ่อนปรนบางมาตรการ เพราะทั้งหมดต้องให้ที่ประชุมและ ครม.พิจารณาอีกครั้ง ยังไม่มีคำสั่งยืนยันอะไรเลยออกมา ต้องรอการพิจารณาข้อมูลทั้งหมดก่อน