ผู้เชี่ยวชาญชี้ 6 สาเหตุที่โรคปอดบวมอู่ฮั่นอาจระบาดในไทย
ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสเผย 6 สาเหตุที่โรคปอดบวมอู่ฮั่นมีโอกาสระบาดในไทย ระบุความรุนแรงของโรคอยู่ในระดับไข้หวัดใหญ่ แนะ "การล้างมือ" ช่วยป้องกันโรคได้
ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสเผย 6 สาเหตุที่โรคปอดบวมอู่ฮั่นมีโอกาสระบาดในไทย ระบุความรุนแรงของโรคอยู่ในระดับไข้หวัดใหญ่ แนะ "การล้างมือ" ช่วยป้องกันโรคได้
ศ.นพ.ยง ภู่วรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ถึงการระบาดของโรคปอดบวมอู่ฮั่น จากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 รวมทั้งคาดการณ์ถึงโอกาสที่จะระบาดในประเทศไทยไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
การระบาดอย่างรวดเร็วของโรคปอดบวมอู่ฮั่น โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019
โรคนี้ระบาดได้อย่างรวดเร็วและมีผู้ป่วยจำนวนมาก (รวม 6,000 คนแล้ว) รวดเร็วกว่า SARS หลายเท่า โรค SARS เริ่มเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน กว่าจะไปเริ่มระบาดจริงๆในเดือนกุมภาพันธ์ และระบาดมากในมีนาคม เมษายน 2003 ก็ไม่เร็วเท่าโรคปอดบวมอู่ฮั่น
สาเหตุที่เชื่อว่าโรคนี้จะระบาด เกิดขึ้นได้ในประเทศไทย ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1 การระบาดในประเทศจีนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การที่รู้ว่า มีผู้ป่วยปอดบวมพร้อมกัน 41 คน ในขณะนั้นการระบาดเป็นการรับช่วง จากผู้ป่วยส่งต่อกันมาถึงระดับที่ 4 หมายถึง ผู้ป่วยคนแรกไม่น่าจะมาจากตลาดขายของสด ในช่วงเวลาขณะนั้น มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งไม่ได้สัมผัสตลาดนี้เลย
2 ความรุนแรงของโรคนี้น้อย เมื่อเปรียบเทียบกับ SARS และ MERS อัตราตายของโรคนี้ ถ้าดูจำนวนเปอร์เซ็นต์จะมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เชื่อว่าน่าจะน้อยกว่า 1% หรืออาจจะอยู่ที่ 1 ในพัน จากผู้ป่วยที่เป็นนอกประเทศจีน กว่า 100 คนไม่มีผู้ใดเสียชีวิตเลย เพราะการวินิจฉัยจะทำได้ดีและรวดเร็วขึ้น และยอดผู้ป่วยที่แท้จริงจะมีมากกว่าผู้ป่วยที่รายงานมาก ตัวเลขอัตราการตาย ก็จะค่อยๆลดลงเหมือนการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ในปี 2009
3 การนับจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต จะเพิ่มขึ้น และเชื่อว่า อีก 1-2 เดือนต่อไป ก็จะไม่มีการนับแล้วเช่นเดียวกับการระบาดไข้หวัดใหญ่เมื่อ 10 ปีก่อน พอไปถึงระยะหนึ่งก็เลิกนับจำนวน
4 เมื่อโรคมีความรุนแรงน้อย จึงมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย และยังแพร่กระจายโรคได้ มีการเดินทาง จึงทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคได้อย่างรวดเร็ว
5 ขณะนี้ มีผู้ป่วยที่ไม่ได้ไปสัมผัสในประเทศจีน เกิดขึ้นในหลายประเทศเช่น เวียตนาม ญี่ปุ่นและเยอรมัน ดังนั้นก็จะพบได้อีกในหลายประเทศต่อไป
6 ความรุนแรงเหมือนไข้หวัดใหญ่ การระบาดจึงเหมือนไข้หวัดใหญ่ ที่พร้อมจะกระจายข้ามทวีป และกระจายไปทั่วโลก อย่างเช่นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 6 เดือนก็กระจายไปทั่วโลก
เราต้องยอมรับความจริง โรคนี้ระบาดแน่ในประเทศไทย และทุกประเทศ แต่ก็ควรมีมาตรการให้ระบาดช้าที่สุด เพื่อรอองค์ความรู้ใหม่ และข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับโรคนี้ เราไม่อยากเห็นการระบาดอย่างรวดเร็ว การตั้งรับ การทำงานของบุคลากรสาธารณสุข ความสับสน การทำงาน จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก เราไม่อยากเห็นการก่อสร้างโรงพยาบาลสนามแบบจีน
การระบาดเมื่อประชากรเป็นแล้ว มีภูมิถึงระดับหนึ่ง โรคก็จะสงบ
ไม่ควรตื่นตระหนก เพราะดูความรุนแรงของโรคแล้ว น่าจะอยู่ในระดับของไข้หวัดใหญ่ ไม่มีใครอยากป่วย ทุกคนจะต้องช่วยกันป้องกัน และลดการแพร่กระจายให้ช้าที่สุด เพื่อลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด ลดการตื่นตระหนก ลดการสูญเสียทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะยังมาซึ่งความลำบากของประชาชนทุกคน หน้าที่ดังกล่าวจึงเป็นของคนทุกคนที่ต้องช่วยกัน
แนะ "การล้างมือด้วยสบู่อย่างถูกต้อง" จะช่วยป้องกันและลดการติดเชื้อได้
ศ.นพ.ยง ระบุอีกว่า การล้างมือด้วยสบู่อย่างถูกถ้องจะช่วยป้องกันและลดการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้
ให้คำนึงว่าควรจะ
ล้างทุกครั้งหลังอาการไอหรือจาม
ล้างทุกครั้งที่มาถึงที่ทำงาน
ล้างทุกครั้งเมื่อกลับจากที่ทำงาน
ล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร
ล้างมือก่อนเตรียมอาหารหรือปรุงอาหาร
ล้างมือก่อนจับต้อง ใบหน้า
ล้างทุกครั้งเมื่อออกจากห้องน้ำ
ล้างทุกครั้งเมื่อจะจับต้องหรืออุ้มเด็ก
ล้างทุกครั้งเมื่อจับกับสัตว์หรือสัตว์เลี้ยง
ล้างทุกครั้งเมื่อสัมผัสกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ
ล้างทุกครั้งเมื่อคิดว่ามือสกปรก
etc.
ไม่ต้องกลัวใครจะว่าเป็น โรคย้ำคิดย้ำทำ
ถ้าไม่สามารถล้างได้ ให้ใช้แอลกอฮอล์ หรือแอลกอฮอล์เจลทำความสะอาด
เมื่อเวลาไอหรือจามไม่ควรใช้มือปิดปากจมูก ควรใช้ต้นแขนใช้เสื้อผ้าเรา ปิดปากจมูก เพราะถ้าใช้มือเราอาจจะใช้มือไปจับต้องสิ่งของ เช่น ในรถไฟฟ้า
ภาพ เอเอฟพี