posttoday

"แก๊งแม่มณี"ขึ้นศาลให้การปฏิเสธคดีฉ้อโกง นัดตรวจหลักฐาน9มี.ค.นี้

27 มกราคม 2563

"เดียร์ เน็ตไอดอล" พร้อมแก๊งแชร์แม่มณี ขึ้นศาลให้การปฏิเสธคดีฉ้อโกงประชาชน 2,533 ราย ศาลนัดตรวจหลักฐานวันที่ 9 มี.ค.นี้

"เดียร์ เน็ตไอดอล" พร้อมแก๊งแชร์แม่มณี ขึ้นศาลให้การปฏิเสธคดีฉ้อโกงประชาชน 2,533 ราย ศาลนัดตรวจหลักฐานวันที่ 9 มี.ค.นี้

เมื่อวันที่ 27 ม.ค.63 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ได้นัดสอบคำให้การจำเลยคดีแชร์แม่มณี ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.วันทนีย์ หรือเดียร์ อายุ 30 ปี ชาว จ.อุดรธานี เน็ตไอดอล เจ้าของวงแชร์แม่มณีพร้อมพวกรวม 9 คน ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามพรก.การกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และให้จำเลยที่ 1-9 ร่วมกันชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายทั้ง 2,533 ราย รวม 1,376,215,359.74บาท

อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 24 ม.ค.63 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 1 มี.ค. - 30 ต.ค.62 น.ส.วันทนีย์ หรือเดียร์ เจ้าของวงแชร์แม่มณี จำเลยที่ 1 และพวกได้โพสต์เฟซบุ๊กประกาศให้ประชาชนทั่วไปมาร่วมออมเงินหรือร่วมลงทุนกับจำเลยที่ 1 โดยอ้างว่าจะได้ผลตอบแทนมากกว่าปกติเป็นพิเศษ ซึ่งมีแผนการตลาดหรือรูปแบบการลงทุน จัดแบ่งออกเป็นวงแชร์ การลงทุนวงละ 1,000 บาท จะได้รับผลตอบแทน 930 บาท/วง เมื่อครบกำหนด 1 เดือนนับแต่วันที่ลงทุนหรือวันที่ฝากเงินมายังบัญชีที่พวกจำเลยแจ้ง ผู้ลงทุนจะได้รับเงินที่ลงทุนพร้อมผลตอบแทนกลับไปจำนวนวงแชร์ละ 1,930 บาท

ต่อมา จำเลยได้เปลี่ยนเป็นการลงทุนระยะสั้นโดยลงทุน 400 บาท ได้รับผลตอบแทน 100 บาท เมื่อครบกำหนด 7 วันจะได้รับคืนเป็นเงิน 500 บาท , ลงทุน 400 บาทได้รับผลตอบแทน 150 บาทเมื่อครบกำหนด 12 วัน จะได้รับคืนเป็นเงิน 500 บาท , ลงทุน 150 บาทได้รับผลตอบแทน 150 บาท เมื่อครบกำหนด 12 วัน จะได้รับคืนเป็นเงิน 300 บาท , ลงทุน 150 บาทได้รับผลตอบแทน 150 บาท เมื่อครบกำหนด 13 วันจะได้รับคืนเป็นเงิน 300 บาท โดยข้อความดังกล่าวล้วนเป็นความเท็จ เพราะความจริงแล้วจำเลยไม่ได้จัดให้มีการออมเงินหรือร่วมลงทุนโดยได้รับผลตอบแทนมากกว่าปกติดังกล่าวแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นอุบายให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทองจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวงเท่านั้น โดยมีผู้เสียหายรวม 2,533 ราย

ภายหลังกระทำความผิดแล้ว จำเลยทั้ง 9 คนได้ร่วมกันฉ้อโกงหลอกลวงประชาชนทั่วไปด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงฯ และร่วมกันหลอกลวงประชาชนโดยโฆษณาหรือประกาศฯ ให้ประชาชนทั่วไปมาร่วมออมเงินหรือร่วมลงทุนกับจำเลยทั้งหมด โดยอ้างจะได้ผลตอบแทนมากกว่าปกติเป็นพิเศษดังกล่าว ซึ่งแผนการตลาดหรือการลงทุนแต่ละแผนที่จำเลยทั้งหมดอ้างจะจ่ายหรืออาจจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ตั้งแต่อัตราร้อยละ 1,116 – 3,040.45 ต่อปีนั้นสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายจะพึงจ่ายได้ อันเป็นความเท็จ ทั้งที่ความจริงแล้วพวกจำเลยทั้งไม่สามารถจ่ายผลประโยชน์ในอัตราดังกล่าวให้แก่ผู้ลงทุนได้

โดยพวกจำเลยจะนำเงินที่ได้จากผู้ร่วมลงทุนรายใหม่ มาจ่ายเป็นผลประโยชน์หมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมหรือผู้ร่วมลงทุนรายก่อน แล้วเมื่อไม่มีผู้ให้กู้ยืมหรือผู้ร่วมลงทุนเพิ่ม ก็ไม่สามารถได้รับผลตอบแทนและเงินร่วมลงทุนกลับคืน ซึ่งการกระทำของจำเลยทำให้มีผู้เสียหายหลงเชื่อจ่ายเงินให้กับพวกจำเลยทั้ง9 ไปรวมทั้งสิ้น 1,376,215,359.74 บาท

ศาลได้เบิกตัวจำเลยทั้ง 9 คน จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง มาสอบคำให้การ

ศาล อ่านและอธิบายคำฟ้องให้พวกจำเลยฟังจนเข้าใจ แล้วสอบถามว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ซึ่งจำเลยที่ 1-9 ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ขอต่อสู้คดี ศาลจึงกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานโจทก์ - จำเลยในวันที่ 9 มี.ค.นี้ เวลา 13.30 น.