อ.เดชายินดียกสูตรน้ำมันกัญชาให้สังคมไปใช้รักษาโรค

นักวิชาการเตรียมนำสูตรน้ำมันกัญชาอ.เดชาไปวิจัยต่อยอดรักษาโรค ขณะที่เจ้าตัวยินดียกให้เป็นของสังคมคาดไม่เกิน1 เดือนทำยาร่วมการวิจัยแจกผู้ป่วยได้

ภญ.รุ่งเพ็ชร สกุลบำรุงศิลป์ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วยนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ,นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ,มหาวิทยาลัยขอนแก่น และเครือข่ายภาคประชาชน แถลงข่าว ภายหลังการหารือเรื่องการศึกษาวิจัยสารสกัดกัญชาเพื่อการรักษาโรค

ภญ.รุ่งเพ็ชร กล่าวว่า จากการหารือร่วมกัน คณะเภสัช จุฬาฯจะเดินหน้าศึกษาวิจัยสารสกัดจากัญชาร่วมกับนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ซึ่งจะใช้องค์ความรู้ตำรับยานายเดชา ในการรักษาผู้ป่วยมาต่อยอดศึกษาวิจัย โดยจะเริ่มการศึกษาทดลองในมนุษย์ คาดเริ่มกระบวนการได้หลังเดือนพ.ค.นี้ โดยตำรับยาของนายเดชาพบว่ามีความใกล้เคียงกับตำรับยาไทยโบราณ กฤษณะพญายอ โดยเงินทุนการศึกษาวิจัยนี้จะใช้จาก สกว. และวช. และองค์ความรู้ที่ได้ก็จะเป็นสมบัติของชาติต่อไป ซึ่งการศึกษาวิจัยนี้ ครอบคลุมตั้งแต่ความสะอาดในการผลิต การใช้ในคน และผลที่ใช้

ด้าน นพ.ปราโมทย์ กล่าวว่า ความคืบหน้าขอขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้านหรือหมอแผนไทยของนายเดชา เชื่อว่าไม่มีปัญหาและใช้เวลานาน เนื่องจากเข้าหลักเกณฑ์ 8 ข้อ การเป็นหมอพื้นบ้านแต่ต้องใช้เวลาการออกหนังสือรับรองไม่เกิน 1 สัปดาห์และต้องทำการขออนุญาตที่จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายเดชา จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการอบรมหลักสูตรการใช้กัญชารักษาโรค ในวันที่29-30 เม.ย.คาดว่าใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการพิจารณาสูตรตำรับยาว่าสอดคล้องกับ 16 ตำรับยาแผนไทยที่มีส่วนผสมของกัญชาหรือไม่ เพื่อจะได้นำไปสู่กระบวนการศึกษาวิจัยในมนุษย์ได้ทันที

ขณะที่นายเดชา กล่าวว่า ขณะนี้รู้สึกห่วงคนไข้ เนื่องจากยาล็อตสุดท้ายที่แจกไป 3 เม.ย.ซึ่งตนมีคนไข้ทั้งหมด 5,000 คนที่ต้องการยา ฉะนั้นจะให้ตนเป็นหมอพื้นบ้านหรือเป็นอะไรได้หมดเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยและผลการศึกษา วิจัยยาของตนครั้งนี้ก็จะยกให้กับสังคม ส่วนที่ยังมองว่าเป็นอุปสรรคในการทำงานให้กับคนไข้ คือเรื่องของกฎหมาย กฎหมายทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากกัญชาในการรักษาคนไข้ได้อย่างเต็มที ซึ่งการศึกษาวิจัยนี้มีการหารือร่วมกันจะใช้ของกลางกัญชา จากป.ป.ส.ซึ่งของกลางของตนที่ ป.ป.ส.ยึดได้ไปนั้น ไม่ได้มีของสำหรับคนไข้ เพราะแจกไปหมดแล้ว มีแค่ต้นกัญชา 205 ต้น ที่กว่าจะใช้ได้ต้องประมาณเดือนพ.ย.ส่วนถัง 25 ลิตร นั้น เป็นแค่น้ำปลาเท่านั้น อีกทั้งสารสกัดจากกัญชาของตนนั้น เน้นเรื่องการฟื้นฟูของร่างกายจากการนอนหลับ เมื่อหลับเต็มอิ่มร่างกายก็ได้ ฟื้นฟูตัวเอง

ด้าน นายปานเทพ กล่าวว่า อยากให้สังคมตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการนิรโทษกัญชาว่า ขณะนี้อย.รายงานตัวเลขผู้มายื่นขอรับการนิรโทษแค่ 1,000 คนเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าตัวเลขที่แท้จริงของผู้ใช้กัญชาน่าจะมีมากกว่า 800,000- 2,000,000 คน ตัวเลขของการนิรโทษน้อยมาก แสดงว่าอาจไม่มั่นใจว่า หลังวันที่ 19 พ.ค.อาจไม่ได้ใช้น้ำมันหรือสารสกัดจากกัญชาอีก ซึ่งสิ่งที่หลายหน่วยงานร่วมกันครั้งนี้ คือทำให้กัญชาที่เป็นเรื่องใต้ดินมาอยู่บนดินอย่างถูกต้องและทำให้ผู้ใช้ได้รับสารสกัดกัญชาที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม.

ภาพ นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ