posttoday

ตั้งเป้าปรับค่าฝุ่นPMตามมาตรฐานโลก

05 กุมภาพันธ์ 2562

บอร์ดสิ่งแวดล้อมยัง ไม่ปรับลดค่ามาตรฐานฝุ่นละออง PM2.5 ให้บอร์ดควบคุมมลพิษพิจารณาใหม่

บอร์ดสิ่งแวดล้อมยัง ไม่ปรับลดค่ามาตรฐานฝุ่นละออง PM2.5 ให้บอร์ดควบคุมมลพิษพิจารณาใหม่

นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อม ว่า ที่ประชุมมีมติให้ คณะกรรมการควบคุมมลพิษที่กลับไปทบทวนการปรับค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ราย 24 ชั่วโมง ของประเทศไทยใหม่ให้สอดคล้องกับที่องค์การอนามัยโลก โดยแนะนำในระดับที่ 3 ที่ไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) และปรับค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 รายปี ในระดับที่ 3 อยู่ที่ระดับ ไม่เกิน 15 มคก./ลบ.ม.

ทั้งนี้ มีข้อคิดเห็นว่า ก่อนประกาศใช้ค่าเฉลี่ยเกณฑ์ใหม่ในอนาคต ระบบคมนาคมขนส่งต้องเสร็จสมบูรณ์และตรวจสอบจากสถิติค่าฝุ่นละอองในช่วง 6-7 ปี ต้องลงอยู่ในระดับมาตรฐาน เพื่อไม่ให้ฝุ่นละอองส่งผลกระทบต่อประเทศในระยะยาว

นายวิจารย์ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการระยะเร่งด่วนอย่างเคร่งครัด เพื่อลดผลกระทบและแหล่งกำเนิดฝุ่นละออง ทั้งการบังคับใช้กฎหมายควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษให้ชัดเจน จากการตรวจสอบพบว่า กทม.และปริมณฑลมีฝุ่นละออง PM2.5 สาเหตุหลักมาจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์และน้ำมันดีเซลปล่อย ควันดำออกมามากกว่า 50% ซึ่งต้องเพิ่มความเข้มงวดการตั้งจุดตรวจรถยนต์วัดควันดำ โดยกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และกระทรวงคมนาคมได้ปรับมาตรฐานตรวจจับควันดำใหม่เป็นมาตรฐานเดียวกันต้องไม่เกิน 30% จากเดิมกำหนดไว้ต้องไม่เกิน 45%

ทั้งนี้ ให้หน่วยงานท้องถิ่นที่เป็นเมืองใหญ่ติดตั้งเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เช่น จ.ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น โดยเฉพาะ กทม.ต้องติดตั้งให้ครบทั้ง 50 เขต ภายในปีนี้ พร้อมทั้งปรับปรุงมาตรฐานน้ำมันดีเซลให้มีค่ากำมะถันต่ำกว่า 10 PPM หรือยูโร 5 จากปัจจุบันประเทศไทยใช้น้ำที่มาตรฐานยูโร 3 และ 4 ที่มีค่ากำมะถัน 50 PPM ซึ่งจะนำร่องใช้ทั้งหมดก่อนใน กทม.และปริมณฑลโดยเริ่มทำทันที ด้วยการให้รถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลเก่าติดตั้งตัวกรองฝุ่นละอองเข้าสู่มาตรฐานใหม่

นายวิจารย์ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้จะนำเสนอผลการประชุมให้นายกรัฐมนตรีรับทราบในการประชุม ครม. วันที่ 5 ก.พ.นี้ นอกจากนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าต้องเฝ้าระวังฝุ่นละอองเพิ่มขึ้น 2 ช่วงเวลา คือ วันที่ 7 ก.พ. และระหว่างวันที่ 13-15 ก.พ. เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าสภาพอากาศจะปิดอีกครั้ง