posttoday

ผ่าต้นทุนยุทโธปกรณ์ งบกองทัพ ศึกไทย-กัมพูชา แตะวันละ 2 พันล้านบาท

23 ธันวาคม 2568

พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีต รองเลขาฯ สมช. เผยข้อมูล "ต้นทุนสงคราม" ไทยปะทะกัมพูชา โดยประเมินตัวเลขที่น่าตกใจว่าอาจต้องใช้เม็ดเงินสูงถึงวันละ 2,000 ล้านบาท

KEY

POINTS

  • พล.ท.พงศกร รอดชมภู คาดการณ์การศึกไทย-กัมพูชา อาจมีค่าใช้จ่ายทางทหารสูงถึงวันละ 2,000 ล้านบาท
  • ผ่าราคายุทโธปกรณ์ ตั้งแต่กระสุนปืนเล็กนัดละ 15 บาท ไปจนถึงขีปนาวุธลูกละ 30 ล้านบาท และค่าบิน F-16 ชั่วโมงละ 7.5 แสนบาท
  • เน้นหลักการรบตามแบบ ต้องรุกเร็ว จบไว เพื่อป้องกันงบประมาณบานปลายและผลได้ไม่คุ้มเสีย

 

พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้าง ค่าใช้จ่ายทางทหาร ในกรณีสถานการณ์การปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยจากการคำนวณคร่าวๆ ตามราคากลางของยุทโธปกรณ์ พบว่า

 

ตัวเลขค่าใช้จ่ายจริงในการทำปฏิบัติการทางทหารอาจพุ่งสูงถึงวันละ 2,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาระงบประมาณมหาศาลที่ต้องแลกมาในภาวะสงคราม

 

ผ่าราคา "อาวุธปืนและกระสุน" ต้นทุนพื้นฐานกองทัพ

 

ผ่าราคา "อาวุธปืนและกระสุน" ต้นทุนพื้นฐานกองทัพ

 

ในการประเมิน ต้นทุนสงคราม ครั้งนี้ เริ่มต้นจากอาวุธพื้นฐานประจำกายของทหารราบ ซึ่งแม้จะมีราคาต่อหน่วยไม่สูงมาก แต่เมื่อคำนวณจากจำนวนกำลังพลและอัตราการยิง จะพบว่าเป็นตัวเลขที่ไม่น้อย

 

  • กระสุนปืนเล็กยาว (5.56 mm): ราคามาตรฐานนัดละ 15-20 บาท ทหาร 1 นาย จะพกพาอัตรามูลฐาน 144 นัด หากใช้อย่างประหยัดจะอยู่ได้ 2-3 วัน หรือคิดเป็นค่าใช้จ่ายราววันละ 1,000 บาทต่อนาย

 

  • ปืนครก (Mortar): อาวุธยิงสนับสนุนระยะใกล้
    • ขนาด 60 mm (ประจำกองร้อย): ลูกละ 10,000 บาท
    • ขนาด 81 mm (ประจำกองพัน): รุ่นไม่นำวิถี ลูกละ 21,000 บาท / รุ่นนำวิถี ลูกละ 34,000 บาท
    • ขนาด 120 mm (ปืนครกหนัก): รุ่นไม่นำวิถี ลูกละ 38,000 บาท / รุ่นนำวิถี สูงถึงลูกละ 1,000,000 บาท

 

เจาะงบ "อาวุธหนักและทัพอากาศ" 

 

เจาะงบ "อาวุธหนักและทัพอากาศ" 

 

เมื่อขยับมาดูยุทโธปกรณ์หนักและอากาศยาน ซึ่งเป็นปัจจัยชี้ขาดในสนามรบและมีบทบาทสำคัญในบริบทความขัดแย้ง ไทย-กัมพูชา พบว่ามีอัตราค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว ดังนี้

 

ระบบปืนใหญ่และขีปนาวุธ

 

  • ปืนใหญ่ 155 mm: รุ่นไม่นำวิถี ลูกละ 175,000 บาท ส่วนรุ่นนำวิถีราคาพุ่งไปที่ 2,380,000 บาท

 

  • จรวดและขีปนาวุธ: จรวดขนาด 122 mm (ใช้ในรถยิง BM-21) ลูกละ 35,000 บาท ในขณะที่ขีปนาวุธขนาด 300-307 mm ราคาแตะระดับ 30 ล้านบาทต่อลูก

 

  • ปืนใหญ่วิถีราบ 76 mm: (เช่น ปืนเรือ) นัดละ 35,000 บาท

 

เจาะงบ "อาวุธหนักและทัพอากาศ" 

 

โดรนและอากาศยาน

 

  • โดรนพิฆาต (Kamikaze Drone): ติดตั้งหัวรบ RPG-7 รวมราคาประมาณ 35,000 บาท (เฉพาะลูกระเบิด 40mm ราคา 500 บาท)

 

  • เครื่องบินขับไล่ F-16: ค่าใช้จ่ายในการบินปฏิบัติการ ชั่วโมงละ 750,000 บาท

 

  • เครื่องบินกริพเพน (Gripen): ค่าใช้จ่ายในการบิน ชั่วโมงละ 350,000 บาท (โดยใช้เวลาบินจากฐานปฏิบัติการไปพนมเปญราว 15 นาที)

 

ระเบิดนำวิถีทางอากาศ

 

  • ระเบิดร่อน JDAM (MK-82 500 ปอนด์): ราคาชุดละ 700,000-900,000 บาท (เฉพาะตัวระเบิดเปล่า 140,000 บาท)

 

  • ระเบิดร่อน JDAM (MK-84 2,000 ปอนด์): ราคาชุดละ 1,260,000 บาท (เฉพาะตัวระเบิดเปล่า 350,000 บาท) ซึ่งระเบิดร่อนทั้งสองรุ่นนี้มีระยะปล่อยต่ำกว่า 70 กิโลเมตร

 

  • ระเบิดร่อน KGGB (เกาหลีใต้): ทำระยะร่อนได้ไกลถึง 103 กิโลเมตร ราคาชุดละ 2,700,000 บาท

 

(หมายเหตุ: ราคาดังกล่าวเป็นราคากลางในตลาดทั่วไป อาจมีความคลาดเคลื่อนจากราคาจัดซื้อจริง)

 

เปิดข้อมูล "ต้นทุนสงคราม" หากไทยปะทะกัมพูชา

 

วิเคราะห์ยุทธศาสตร์ "รุกเร็ว จบเร็ว"

 

จากข้อมูล งบประมาณกองทัพ และราคาอาวุธข้างต้น พล.ท.พงศกร ให้ความเห็นว่า การรบตามแบบแผน (Conventional Warfare) จำเป็นต้องยึดหลักการ "รุกเร็ว จบเร็ว" ห้ามปล่อยให้เกิดสถานการณ์ติดพันเป็นสงครามยืดเยื้อ

 

เพราะนอกจากจะสูญเสียงบประมาณแผ่นดินจำนวนมหาศาลแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้อาจ "ไม่คุ้มค่า" กับสิ่งที่ต้องแลกไป

 

บทสรุปของราคาแห่งสงครามนั้น มักลงเอยด้วยสัจธรรมที่ว่า สิ่งที่ผู้ชนะได้มาอาจเป็นเพียงความ "ได้ใจ" แต่สิ่งที่ต้องเสียไปอย่างแน่นอนคือความสูญเสีย ซึ่งสุดท้ายแล้วอาจเหลือเพียงความ "เสียใจ" ให้กับทุกฝ่าย

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ คริสตัล พาเลซ คาราบาวคัพ วันนี้