ผ่าต้นทุนยุทโธปกรณ์ งบกองทัพ ศึกไทย-กัมพูชา แตะวันละ 2 พันล้านบาท
พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีต รองเลขาฯ สมช. เผยข้อมูล "ต้นทุนสงคราม" ไทยปะทะกัมพูชา โดยประเมินตัวเลขที่น่าตกใจว่าอาจต้องใช้เม็ดเงินสูงถึงวันละ 2,000 ล้านบาท
KEY
POINTS
- พล.ท.พงศกร รอดชมภู คาดการณ์การศึกไทย-กัมพูชา อาจมีค่าใช้จ่ายทางทหารสูงถึงวันละ 2,000 ล้านบาท
- ผ่าราคายุทโธปกรณ์ ตั้งแต่กระสุนปืนเล็กนัดละ 15 บาท ไปจนถึงขีปนาวุธลูกละ 30 ล้านบาท และค่าบิน F-16 ชั่วโมงละ 7.5 แสนบาท
- เน้นหลักการรบตามแบบ ต้องรุกเร็ว จบไว เพื่อป้องกันงบประมาณบานปลายและผลได้ไม่คุ้มเสีย
พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้าง ค่าใช้จ่ายทางทหาร ในกรณีสถานการณ์การปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยจากการคำนวณคร่าวๆ ตามราคากลางของยุทโธปกรณ์ พบว่า
ตัวเลขค่าใช้จ่ายจริงในการทำปฏิบัติการทางทหารอาจพุ่งสูงถึงวันละ 2,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาระงบประมาณมหาศาลที่ต้องแลกมาในภาวะสงคราม
ผ่าราคา "อาวุธปืนและกระสุน" ต้นทุนพื้นฐานกองทัพ
ในการประเมิน ต้นทุนสงคราม ครั้งนี้ เริ่มต้นจากอาวุธพื้นฐานประจำกายของทหารราบ ซึ่งแม้จะมีราคาต่อหน่วยไม่สูงมาก แต่เมื่อคำนวณจากจำนวนกำลังพลและอัตราการยิง จะพบว่าเป็นตัวเลขที่ไม่น้อย
- กระสุนปืนเล็กยาว (5.56 mm): ราคามาตรฐานนัดละ 15-20 บาท ทหาร 1 นาย จะพกพาอัตรามูลฐาน 144 นัด หากใช้อย่างประหยัดจะอยู่ได้ 2-3 วัน หรือคิดเป็นค่าใช้จ่ายราววันละ 1,000 บาทต่อนาย
- ปืนครก (Mortar): อาวุธยิงสนับสนุนระยะใกล้
- ขนาด 60 mm (ประจำกองร้อย): ลูกละ 10,000 บาท
- ขนาด 81 mm (ประจำกองพัน): รุ่นไม่นำวิถี ลูกละ 21,000 บาท / รุ่นนำวิถี ลูกละ 34,000 บาท
- ขนาด 120 mm (ปืนครกหนัก): รุ่นไม่นำวิถี ลูกละ 38,000 บาท / รุ่นนำวิถี สูงถึงลูกละ 1,000,000 บาท
เจาะงบ "อาวุธหนักและทัพอากาศ"
เมื่อขยับมาดูยุทโธปกรณ์หนักและอากาศยาน ซึ่งเป็นปัจจัยชี้ขาดในสนามรบและมีบทบาทสำคัญในบริบทความขัดแย้ง ไทย-กัมพูชา พบว่ามีอัตราค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว ดังนี้
ระบบปืนใหญ่และขีปนาวุธ
- ปืนใหญ่ 155 mm: รุ่นไม่นำวิถี ลูกละ 175,000 บาท ส่วนรุ่นนำวิถีราคาพุ่งไปที่ 2,380,000 บาท
- จรวดและขีปนาวุธ: จรวดขนาด 122 mm (ใช้ในรถยิง BM-21) ลูกละ 35,000 บาท ในขณะที่ขีปนาวุธขนาด 300-307 mm ราคาแตะระดับ 30 ล้านบาทต่อลูก
- ปืนใหญ่วิถีราบ 76 mm: (เช่น ปืนเรือ) นัดละ 35,000 บาท
โดรนและอากาศยาน
- โดรนพิฆาต (Kamikaze Drone): ติดตั้งหัวรบ RPG-7 รวมราคาประมาณ 35,000 บาท (เฉพาะลูกระเบิด 40mm ราคา 500 บาท)
- เครื่องบินขับไล่ F-16: ค่าใช้จ่ายในการบินปฏิบัติการ ชั่วโมงละ 750,000 บาท
- เครื่องบินกริพเพน (Gripen): ค่าใช้จ่ายในการบิน ชั่วโมงละ 350,000 บาท (โดยใช้เวลาบินจากฐานปฏิบัติการไปพนมเปญราว 15 นาที)
ระเบิดนำวิถีทางอากาศ
- ระเบิดร่อน JDAM (MK-82 500 ปอนด์): ราคาชุดละ 700,000-900,000 บาท (เฉพาะตัวระเบิดเปล่า 140,000 บาท)
- ระเบิดร่อน JDAM (MK-84 2,000 ปอนด์): ราคาชุดละ 1,260,000 บาท (เฉพาะตัวระเบิดเปล่า 350,000 บาท) ซึ่งระเบิดร่อนทั้งสองรุ่นนี้มีระยะปล่อยต่ำกว่า 70 กิโลเมตร
- ระเบิดร่อน KGGB (เกาหลีใต้): ทำระยะร่อนได้ไกลถึง 103 กิโลเมตร ราคาชุดละ 2,700,000 บาท
(หมายเหตุ: ราคาดังกล่าวเป็นราคากลางในตลาดทั่วไป อาจมีความคลาดเคลื่อนจากราคาจัดซื้อจริง)
วิเคราะห์ยุทธศาสตร์ "รุกเร็ว จบเร็ว"
จากข้อมูล งบประมาณกองทัพ และราคาอาวุธข้างต้น พล.ท.พงศกร ให้ความเห็นว่า การรบตามแบบแผน (Conventional Warfare) จำเป็นต้องยึดหลักการ "รุกเร็ว จบเร็ว" ห้ามปล่อยให้เกิดสถานการณ์ติดพันเป็นสงครามยืดเยื้อ
เพราะนอกจากจะสูญเสียงบประมาณแผ่นดินจำนวนมหาศาลแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้อาจ "ไม่คุ้มค่า" กับสิ่งที่ต้องแลกไป
บทสรุปของราคาแห่งสงครามนั้น มักลงเอยด้วยสัจธรรมที่ว่า สิ่งที่ผู้ชนะได้มาอาจเป็นเพียงความ "ได้ใจ" แต่สิ่งที่ต้องเสียไปอย่างแน่นอนคือความสูญเสีย ซึ่งสุดท้ายแล้วอาจเหลือเพียงความ "เสียใจ" ให้กับทุกฝ่าย


